
ผมสอนเซลล์ของผมเสมอว่า วันนี้ไม่ต้องแข่งกับใครให้แข่งกับตัวเอง เราทำงานเพื่อผลตอบแทนจากลูกค้า อย่าคิดว่าเราทำงานเพื่อเอาชนะคู่แข่ง
คำนี้ คือหนึ่งในบทสนทนากับ คุณกรภัทร วงศ์อนันต์ชัย (เอก) ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจงานพิมพ์เชิงพาณิชย์ Commercial & Industrial Printing Division Manager ของบริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด ในตอนเริ่มของการสัมภาษณ์ ซึ่งกินเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงเต็ม จากตอนแรกเรานัดพูดคุยกันเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
เวลา 12.30 น. เลขบนหน้าจอโทรศัทพ์ขึ้นโชว์เตือนว่าบัดนี้ถึงเวลาเดินทางไปสัมภาษณ์แขกของเราแล้ว ซึ่งก็ไม่รีรอจัดการเดินทางในวันที่ฝนตกพรำๆ จากบริเวณ BTS พญาไท มุ่งหน้าสู่ละแวกจ๊อดแฟร์พระราม 9 โดยหมุดหมายของเราในวันนี้คือ สมาคมการพิมพ์ไทย (The Thai Printing Association)
เมื่อเดินทางเข้าสู่ตึกสัมภาษณ์บริเวณชั้น 2 ของตึกสมาคมการพิมพ์ไทย ที่เรียนตามตรงว่าสภาพค่อยข้างเก่า แต่ดูขลังเอามากๆ ตรงกันข้ามกับห้องที่จะใช้ในการสัมภาษณ์แขกของเราในวันนี้ กลับดูใหม่ต่างจากบริเวณอื่น ซึ่งเป็นห้องขนาดเกือบ 30 ตารางเมตรมีโต๊ะไม้สักวงรียาวจากหน้าห้องไปสุดห้อง พร้อมกับเก้าอี้เรียงรายเกิน 10 ตัว
จากนั้นก็เริ่มทำการสำรวจห้องหามุมในการอินเทอะวิว ไม่นานนักคุณป้าแม่บ้านจึงเริ่มทำการเสิร์ฟน้ำเปล่าใส่แก้ว ที่ลองดื่มแล้วชื่นใจกว่าครั้งไหนหลังจากผ่ามรสุมในการเดินทาง
นั่งที่เก้าอี้มองเวลา 13 .46 น. ชายดูท่าทางคารมณ์ดี หน้าตาคลับคล้ายคลับคลาดาราเกาหลี โจ แจยุน และแน่นอนว่าไม่ใช่เขาอยู่แล้ว แต่เป็นแขกของเรา คุณกรภัทร วงศ์อนันต์ชัย (เอก) ที่เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับบอกว่า “วันนี้ผมมีประชุมหลายที่เลย เมื่อเช้าก็ไปประชุมที่หนึ่งมา แล้วจากนี่ก็จะต้องไปที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ดอนเมืองอีก”
แล้วทำไมถึงต้องไปสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยด้วยหล่ะ ? ด้วยความสงสัย จึงเป็นที่มาของคำตอบว่าตอนนี้ทาง บริษัทริโก้ เริ่มทำธุรกิจกับการบินพลเรือนร่วมพัฒนาหอคอยจำลองรูปแบบการบินเสมือนจริง (simulator) ให้กับนักเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้ ซึ่งจริงๆ แล้วธุรกิจนี้ไม่ใช่ธุรกิจใหม่ของบริษัทแต่อย่างใด เพราะดำเนินงานมามากกว่า 10 ปีแล้ว เพียงแต่ตัวคุณเอก กรภัทร เพิ่งเข้ามาดูแลงานในส่วนนี้ และค่อนข้างแตกต่างจากสายการพิมพ์ที่เป็นธุรกิจหลักของริโก้
นับเป็นความรู้ใหม่ของผู้สัมภาษณ์ที่ตอนแรกคิดว่าบริษัทดำเนินงานเกี่ยวกับด้านเครื่องจักรสิ่งพิมพ์เพียงอย่างเดียว…. ขอไม่พูดพร่ำทําเพลงยิงคำถามต่อไปว่า อยากทราบที่มาที่ไปของบริษัท ?
และแล้ว….ก็ได้คำตอบจากคุณเอกกลับมาว่า “เอาจริงๆ ผมจำไม่ได้หรอก แต่น่าจะก่อตั้งมาเกือบ 100 ปี ข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวขอส่งให้ทีหลังแล้วกันนะ พร้อมกับยิ้มกรุบกริบให้ทีมงานรับทราบเป็นอันรู้กันว่าไปสู่คำถามต่อไป”
อย่างไรก็ดีเราได้ข้อมูลที่ค้นหามาแล้วว่า บริษัท ริโก้ (RICHO) ก่อตั้งโดยคุณคิโยชิ อิชิมูระ ในประเทศญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี คริสศักราช 1936 (พ.ศ. 2479) นับจนถึงตอนนี้ผ่านมา 87 ปีแล้ว ซึ่งเดิมทีเป็นบริษัทที่เริ่มจากการผลิตกล้องถ่ายรูป เครื่องโทรสารความเร็วสูงสู่เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล จนมายุคปัจจุบันได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจยั่งยืนที่สุดของโลก (Global 100 Most Sustainable Corporations), หนึ่งใน 100 บริษัทที่เป็นสุดยอดนวัตกรรมของโลก (Top 100 Global Innovators) และหนึ่งในบริษัทจากทั่วโลกที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุด (World’s Most Ethical Companies) ทุกวันนี้สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว พร้อมพนักงานกว่า 107,000 ชีวิต ทั่วโลก ส่วนในไทยใช้ชื่อว่า บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด มีนายจูเลียน เจ.แอล. ฟรีเอตต์ (Mr.Julian J.L.Fryett) นั่งแท่นเป็นประธาน
กลับเข้าสู่ช่วงถามคำถามอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ถาม คุณเอกก็พูดคุยกับทีมงานแบบถึงรสถึงชาติโดยที่ไม่ต้องใช้สคริปเลยสักนิด ซึ่งเรื่องที่น่าสนใจหนึ่งเรื่องคือ รู้หรือไม่ว่าเครื่องจักรและซอฟต์แวรของริโก้สามารถผลิตบิลค่าน้ำค่าไฟของคนไทยได้ ด้วยระบบคอนเทนต์ แมเนจเม้นท์ (CONTENT MANAGEMENT) ที่จัดการข้อมูลทุกอย่างได้ด้วยตัวเครื่องเอง สามารถรู้ได้ว่าส่วนไหนคือชื่อคน, ยอดการใช้งาน, วันชำระ และอื่นๆ ก่อนนำมากำหนดให้เป็นไฟล์ภาพ pdf. เหมาะกับวันรุ่นยุคใหม่ หรือเอาใจคนยุคเก่าด้วยใบกระดาษที่เราเคยเห็นส่งตามบ้าน เรียกได้ว่าครบจบในเครื่องเดียวด้วยการพิมพ์ 1,500,000 ใบต่อวัน และต้องไร้ข้อผิดพลาด ซึ่งตอนนี้บริษัทการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ใช้งานในส่วนนี้แล้ว
คุยกันไปกันมา อยู่ๆ คุณเอกก็พูดขึ้นมาว่า รู้มั้ย “เวลาผมคิดธุรกิจผมจะคิดถึงอะไรเป็นอย่างแรก?”
คนภายในห้องจำนวน 3 คน นั่งคิ้วขมวดด้วยความสงสัย แล้วจึงก็ตอบคำถามไปแต่ไม่ได้เฉียดกับคำตอบในใจคุณเอกเลยสักนิด ปล่อยให้เวลาเดดแอร์อยู่เกือบ 1 นาที เขาเปิดปากเฉลยออกมาเองว่า “ผมนึกถึงภรรยาของผมเป็นอันดับแรก”
คำตอบดังกล่าวได้ทำให้คนในห้องยิ่งฉงนไปกันใหญ่ แต่เดี๋ยวก่อน….เหตุผลของเขาชั่งน่าฟังอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อคุณเอกพูดขยายความว่า

“ผมรู้ว่าภรรยาผมชอบทำอะไร สิ่งที่เห็นคือภรรยาผมชอบเอฟสั่งสินค้า ทำให้เห็นถึงกล่องกระดาษที่วางเต็มบ้าน นั่นแหละคือช่องทางธุรกิจที่กำลังจะโตรุ่งเรื่องในตอนนั้น เราจึงต้องจับตาบรรจุภัณฑ์เป็นส่วนสำคัญ เราสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองให้กับกล่องได้ ลองมองย้อนกลับไปดูในตลาดซึ่งมีบริษัทผลิตกล่องแบบพร้อมแปะโลโก้ตัวเองเพียงไม่กี่เจ้า แต่เครื่องพิมพ์ของเราตอบโจทย์ตรงนี้ได้ เราสามารถผลิตแบรนด์กล่องให้กับลูกค้าได้ อีกทั้งตัวน้ำยาหมึกพิมพ์ของเราเป็นระบบอิงค์เจ็ทที่ชัดและทน แห้งไว ถึงขนาดคนจีนบินเพื่อมาขอซื้อน้ำยาหมึกตัวนี้ก็มี”
เมื่อนั่งคุยมานานกินเวลามาเกือบ 3 ชั่วโมง จึงเข้าสู่คำถามสุดท้าย ถามถึงแนวทางรักษ์โลกของริโก้ ที่อย่างที่เราทราบกันดีว่าโลกตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นวิกฤตจากการกระทำต่างๆ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจของมุนษย์ ส่งผลกระทบมาถึงโลกที่ใช้อาศัยหลับนอน จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้หลายบริษัททั้งไทยและทั่วโลก ต่างหันกลับมาให้ความสนใจสายกรีนกันมากขึ้น ทั้งในเรื่องการแยกขยะรีไซเคิล หันมาใช้กระเป๋าผ้าแทนถุงพลาสติก หรือจัดการซะตั้งแต่ในขั้นตอนการผลิตภัณฑ์เพื่อลดก๊าซคาร์บอนออกไซด์เป็นศูนย์
ริโก้เองก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่หันมาใช้น้ำหมึกแบบน้ำ แห้งไว้ ซึ่งถือเป็นการเอาดูแลใจใส่โลกของเรามากขึ้น เช่นเดียวกับกระบวนการหลังผลิตที่มีนโยบายจัดการกล่องหมึก กากหมึก กำจัดของเสียอย่างถูกวิธีด้วยการเก็บกลับมาส่งต่อให้บริษัทที่รับกำจัดของเสียวัตถุเคมีโดยเฉพาะนำไปจัดการต่อ
ปิดท้ายเมื่อพูดถึงงานใหญ่อย่าง PACK PRINT INTERNATIONAL และ CorruTec ASIA 2023 เมื่อวันที่ 20-23 กันยายน ที่ผ่านมา ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยบรัษทริโก้เองก็ไม่พลาด ไปออกบูทในครั้งนี้ด้วย แถมผลตอบรับดีซะอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณเอกขอยกความดีความชอบให้กับทีมงานทุกคนที่สามารถช่วยกันดำเนินงานให้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ทีมงานผมสามารถดูแลได้จัดการได้ก็ให้เขาดูแลกันไป แต่ด้วยความที่งานนี้เป็นงานใหญ่ผมเลยต้องลงมาช่วยดูบ้าง แต่ส่วนใหญ่น้องๆ จะรันกันเองหมดเลยทั้งเรื่องจัดบูธ ดีไซด์บูธ เรียกส่วนต่างๆ มาคุย พวกเขาทำเองหมดเลย เราแทบไม่ต้องไปยุ่งเลย ส่วนงานในปีนี้ก็ไม่ได้ผิดไปจากคาดแม้เจอความเสี่ยงจากการจัดงานติดต่อกัน เราให้แนวคิดกับลูกค้าก่อนออกบูธในปีนี้ประกอบกับเราออกสินค้ารุ่นใหม่พอดี โดยเฉพาะเครื่องพิมพ์กล่องที่ใหม่สำหรับคนทำธุรกิจ SME ขายดีลูกค้าให้ความสนใจมากกว่า 40% จากเครื่องจักรทั้งหมดของเรา”
ก่อนจากลาคุณเอก ย้ำด้วยสีหน้าจริงจังว่า ไม่ว่าจะทำงานด้านเซลล์ต้องอดทนลำบากในปีแรก แต่รับรองได้ว่าพอผ่านเข้าสู่ปีที่สองคุณจะสบายแน่นอน เพราะว่าทุกอย่างเข้าสู่ช่วงเข้าที่เข้าทางแล้ว
ถ้าเลือกได้ผมอยากกลับไปเป็นเซลล์ ผมคิดว่าตอนเป็นเซลล์สบายกว่าตอนนี้ที่ผมต้องทำทุกอย่าง ด้วยตำแหน่งที่มันสูงขึ้น