
เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับภูมิภาค มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่กับการพัฒนาความยั่งยืน ร่วมกับ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สานต่อความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนานวัตกรรมพอลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจทางวิชาการ และสัญญาบริการ เพื่อพัฒนานวัตกรรมพอลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน (Decarbonization) ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการใช้งานในอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถ ในการวิจัยพัฒนานวัตกรรมพอลิเมอร์ และเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเอสซีจีซี รวมทั้งผลักดันสู่นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์เมกะเทรนด์ สร้างโอกาสการแข่งขันในตลาดโลก และสร้างประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต
ดร.สุรชา อุดมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวัตกรรม และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอสซีจีซี มุ่งพัฒนา Green Innovation & Solution เช่น พอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยแนวคิด Low- Waste, Low-Carbon โดยร่วมมือกับองค์กรและสถาบันวิจัยพัฒนาชั้นนำระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เป็นหน่วยงานเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด สามารถวิเคราะห์โครงสร้างของวัสดุ ในระดับโมเลกุลและอะตอมได้ ซึ่งเอสซีจีซีได้นำเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนมาใช้วิเคราะห์โครงสร้างผลึก ของพอลิเมอร์ในระดับนาโนเมตร จึงช่วยให้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเชิงพาณิชย์ได้เร็วยิ่งขึ้น เช่น การพัฒนา SMX™ Technology การพัฒนาเม็ดพลาสติก PE คุณภาพสูงสำหรับผลิตท่อทนแรงดันสูง เป็นต้น นวัตกรรมเหล่านี้ นอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกสู่ชั้นบรรยากาศ อีกทางหนึ่งด้วย การลงนามบันทึกความเข้าใจทางวิชาการฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยยกระดับงานวิจัยพัฒนานวัตกรรมพอลิเมอร์ และเคมีภัณฑ์ของเอสซีจีซี แล้ว ยังส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์เมกะเทรนด์ สร้างโอกาสการแข่งขันในตลาดโลก และสร้างประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งเตรียมพร้อมสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
“ตลอดระยะเวลาความร่วมมือกับสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนที่ผ่านมา เอสซีจีซีได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มป้อนตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองการจดสิทธิบัตร และตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารวิชาการระดับนานาชาติจำนวนกว่า 10 ฉบับ อาทิ Industrial & Engineering Chemistry Research, ELSEVIER, ACS Applied Polymer Materials เป็นต้น” ดร.สุรชา กล่าว

ด้าน รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กล่าวว่า สถาบันฯ มีพันธกิจในการวิจัย ให้บริการ ส่งเสริมและถ่ายทอดการเรียนรู้เทคโนโลยีแสงซินโครตรอน และการใช้ประโยชน์ นำไปสู่การยกระดับงานวิจัยและสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยเหตุนี้ สถาบันฯ จึงให้ความสำคัญต่อการสร้าง ความร่วมมือทางวิชาการมาโดยตลอด สำหรับการสร้างความร่วมมือ ทางวิชาการระหว่าง SCGC และสถาบันฯ ครั้งนี้ จะมีความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ โดยใช้เทคโนโลยีซินโครตรอน และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธกิจของทั้งสองหน่วยงาน
“นอกจากนี้จะมีการสนับสนุนการวิเคราะห์ ตรวจสอบ และทดสอบ การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ ห้องปฏิบัติการ ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย โดยใช้แสงชินโครตรอนและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งสนับสนุนด้านวิชาการ การฝึกอบรม และความร่วมมือทางด้านเทคนิคและวิศวกรรม รวมถึงดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นสมควร และอีกความร่วมมือคือการลงนามสัญญาบริการวิจัยระหว่างบริษัทไทยโพลิเอททีลีน จำกัด ในกลุ่มธุรกิจ SCGC กับสถาบันฯ สามารถสนับสนุนงานวิจัยโครงสร้างพอลิเมอร์ด้วยแสงซินโครตรอนให้มีความต่อเนื่อง สามารถต่อยอดนำไปใช้ประโยชน์ และพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อไป” รศ.ดร.สาโรช กล่าวทิ้งท้าย