สถาบันอะลูมิเนียมระหว่างประเทศเผยผลการศึกษาใหม่ พบผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมของการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
สถาบันอะลูมิเนียมระหว่างประเทศเผยผลการศึกษาใหม่ พบผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมของการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
การรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอะลูมิเนียม ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าได้ 60 ล้านตันต่อปีทั่วโลก ภายในปี 2573
การศึกษายืนยันอัตราการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมที่ 71% หรือมากกว่านั้น
การศึกษาใหม่เกี่ยวกับการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมเผยว่า การรีไซเคิลกระป๋องเครื่องดื่มใช้แล้วช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ได้ 60 ล้านตันต่อปีภายในปี 2573 โดยการศึกษานี้จัดทำโดยสถาบันอะลูมิเนียมระหว่างประเทศ (International Aluminium Institute) หรือไอเอไอ (IAI) โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากเอมิเรตส์ โกลบอล อะลูมิเนียม (Emirates Global Aluminium) คราวน์ โฮลดิงส์ (Crown Holdings) สภาอะลูมิเนียมออสเตรเลีย (Australian Aluminium Council) และโนเวลิส (Novelis)
ผลการประเมินนี้อยู่ในรายงานที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลกอย่างโรแลนด์ เบอร์เกอร์ (Roland Berger) รายงานนี้จัดทำให้กับไอเอไอ โดยได้เสนอแนวทาง 25 ประการเพื่อเพิ่มการรีไซเคิล และชุดคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ผ่านการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อพัฒนาการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมสำหรับ 6 ประเทศในตะวันออกกลาง โอเชียเนีย และเอเชีย
การค้นพบและข้อเสนอแนะเหล่านี้มาจากการประเมินระบบการจัดการขยะกระป๋องในออสเตรเลีย กัมพูชา เกาหลีใต้ ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเวียดนาม
บรรดาประเทศดังกล่าวได้ร่วมกันให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำเสนอเกี่ยวกับการใช้กระป๋อง รวมถึงการรวบรวม และกระบวนการในประเทศและวัฒนธรรมต่าง ๆ การประเมินนี้ยังได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระแสการค้าเศษกระป๋องเครื่องดื่มใช้แล้ว (UBC) ในภูมิภาค ทั้งในภูมิภาคอ่าวอาหรับและเอเชียแปซิฟิก ซึ่งทั้งสองพื้นที่เป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญ
ในบรรดา 6 ประเทศดังกล่าวแต่ละประเทศนั้น ได้มีการวิเคราะห์ในแง่มุมต่าง ๆ รวมถึงแผนการจัดการและแผนการกำกับดูแลขยะ โครงสร้างพื้นฐานในการเก็บรวบรวม อัตราการรีไซเคิลและการฝังกลบ ปริมาณที่มีอยู่ในตลาด แนวโน้มการใช้งาน ประสิทธิภาพโดยรวม การค้ากระป๋องเครื่องดื่มใช้แล้ว การไหลของวัสดุ และเป้าหมายในอนาคต
เกาหลีใต้มีอัตราการรีไซเคิลสูงสุดที่ 96% รองลงมาคือเวียดนามที่ 93% ตามด้วยกัมพูชาที่ 90% ไทย 86% ออสเตรเลีย 74% และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 33% โดย 6 ประเทศดังกล่าวนี้ แบ่งตามหลักเกณฑ์กว้าง ๆ ได้ 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
ประเทศที่ไม่มีระบบการรีไซเคิลอะลูมิเนียมอย่างเป็นทางการ (เช่นไทย กัมพูชา และเวียดนาม) ประเทศเหล่านี้พึ่งพาแรงงานนอกระบบเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากกระป๋องสร้างรายได้ให้กับภาคส่วนนี้ กลุ่มประเทศดังกล่าวจึงมีอัตราการรีไซเคิลสูง
ประเทศที่มีระบบการรีไซเคิลที่พัฒนาแล้ว (เช่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้) การรีไซเคิลอาศัยระบบจัดการขยะที่ซับซ้อน เช่น หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตตลอดช่วงต่าง ๆ ของวงจรชีวิตของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ (EPR) และ/หรือระบบมัดจำคืนเงินบรรจุภัณฑ์ (DRS)
ประเทศที่มีระบบการรีไซเคิลที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน (เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ที่ประเทศนี้ โครงสร้างพื้นฐานการรวบรวมได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่มีระบบ EPR หรือ DRS ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่ได้บังคับใช้ระบบเหล่านี้
อะลูมิเนียมยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับบรรจุภัณฑ์ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม โดยคาดว่าการบริโภคทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 50% ระหว่างปี 2563 – 2573 (กล่าวคือ จากระดับ 4.2 แสนล้านกระป๋อง สู่ระดับ 6.3 แสนล้านกระป๋องต่อปี)
คุณมาร์เลน เบอร์แทรม ( Marlen Bertram) ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์และการคาดการณ์ของไอเอไอ กล่าวว่า “การศึกษาเชิงลึกนี้ได้ยืนยันสิ่งที่เราได้ตีพิมพ์ไปเมื่อปี 2565 ว่า กระป๋องอะลูมิเนียมที่วางจำหน่ายทั่วโลกประมาณ 71% หรือมากกว่านั้น มีการนำไปรีไซเคิล โดยทางไอเอไอได้เพิ่มความสูญเสียที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการรีไซเคิลลงในข้อมูลที่จัดส่งให้กับโรแลนด์ เบอร์เกอร์ ด้วย และพบว่า 79% ของกระป๋องที่วางจำหน่ายในตลาดของ 6 ประเทศดังกล่าวรวมกันแล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นอะลูมิเนียมรีไซเคิลเพื่อการใช้งานอื่น ๆ ต่อไป”
“รายงานดังกล่าวยังเน้นย้ำให้เห็นถึงวิธีที่สำคัญในการทำให้อะลูมิเนียมรีไซเคิลได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการตระหนักรู้ที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับประโยชน์ของการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียม การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ รายงานยังแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมของเรามีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินการตามแผนการ เพื่อสร้างความแตกต่างอันมีคุณค่าในการเพิ่มอัตราการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมได้อย่างไร”
“ศักยภาพในการลดคาร์บอนของการรีไซเคิลนั้นไม่ควรประเมินเอาไว้ต่ำเกินไป โดยการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมที่ใช้แล้วมีบทบาทอย่างมากต่อการลดการปล่อยคาร์บอนโดยรวมของอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม เนื่องจากการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์เหล่านี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 0.6 ตันต่อตัน ซึ่งน้อยกว่าการผลิตอะลูมิเนียมใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 16.6 ตันต่อตัน ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่สมาชิกของไอเอไอมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการลดการปล่อยคาร์บอนในการผลิตอะลูมิเนียมตั้งแต่เริ่มต้น และเพิ่มการใช้เศษอะลูมิเนียม ซึ่งจะช่วยลดการฝังกลบอะลูมิเนียมที่ใช้งานแล้ว”