
LogiMAT Intelligent Warehouse งานแสดงสินค้าสุดยอดเทคโนโลยีระบบคลังสินค้าอัจฉริยะและระบบจัดการ เตรียมกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในปีนี้ ตอกย้ำทุกความสำเร็จด้วยการเพิ่มขยายพื้นที่จัดงานเป็น 2 เท่า เพื่อรองรับผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศ ขนทัพอุตสาหกรรมต่าง ๆ กว่า 100 แบรนด์ พร้อมด้วยเวทีสัมมนา ลานสาธิตระบบการจัดการคลังสินค้า และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย งานจัดระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี ฮอลล์ 5-6

ด้าน ภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของงานแสดงสินค้าสุดยอดเทคโนโลยีระบบคลังสินค้าอัจฉริยะและระบบจัดการ LogiMAT Intelligent Warehouse 2022 ว่า “งานได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยจำนวนผู้เข้าชมงาน 3,635 คน จาก 20 ประเทศทั่วโลก รวมถึงผู้เข้าร่วมจัดแสดงถึง 45 บริษัท จาก 7 ประเทศ คือ ไทย เยอรมนี อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และจีน นอกจากนี้ยังได้ผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากกิจกรรมภายในงาน โดยเฉพาะเวทีพูดคุยและให้ความรู้ของอุตสาหกรรมกว่า 25 เซสชัน จากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ เช่น Young Gen Showcase คลินิกให้คำปรึกษา และบูธอีกมากมาย ที่ต่างได้ผลตอบรับอย่างน่าพึงพอใจจากทุกฝ่ายที่เข้าร่วมงาน”
LogiMAT Intelligent Warehouse 2023 จะเป็นอีเวนต์ครั้งสำคัญที่ครอบคลุมทั้งเรื่องคลังสินค้าและระบบการจัดการทั้งระบบมากขึ้น รวมถึงกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย พร้อมมีหัวข้อสัมมนาตอบโจทย์เทรนด์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่คลี่คลายลงและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้งานในปีนี้กลับมาคึกคักอย่างเต็มกำลัง โดยคาดหมายว่าจะมีผู้เข้าร่วมจัดแสดงงานกว่า 10 ประเทศ ทั้งจากในเอเชียและยุโรป อาทิ ผู้จัดแสดงจากประเทศเยอรมนี จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ทั้งยังคาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้กว่า 6,000 ราย
สำหรับการกลับมาของงาน LogiMAT Intelligent Warehouse 2023 ในปีนี้ จะมาอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยการเพิ่มพื้นที่การจัดงานเป็น 2 เท่า เพื่อรองรับผู้ประกอบการ ผู้มีศักยภาพด้านการลงทุน และผู้มีส่วนตัดสินใจขับเคลื่อนองค์กร ทั้งไทยและต่างชาติในอุตสาหกรรมต่างๆ กว่า 100 แบรนด์ พร้อมกิจกรรมที่เต็มไปด้วยคุณภาพและน่าสนใจ ตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคดิจิทัล อาทิ เวทีสัมมนา Orange Forum พูดคุยเทรนด์และแนวโน้มสำคัญของอินทราโลจิสติกส์ พร้อมด้วยเวทีสัมมนา Blue Forum และด้านโซลูชันของอินทราโลจิสติกส์ ที่เข้ามาช่วยเหลือพร้อมแก้ไขปัญหาให้ธุรกิจในเชิงลึกและมีความเฉพาะตัวในแต่ละอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการนำเอาโซน Product Demonstration กลับมาจัดในงานอีกครั้ง เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมงานเห็นถึงภาพรวมในการจัดการระบบคลังสินค้าอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ตลอดจนได้เห็นขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ที่ช่วยให้เข้าใจการทำงาน เข้าใจความจำเป็นในการใช้ระบบคลังสินค้าในธุรกิจ ทั้งขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ รวมถึงกิจกรรมและความน่าสนใจที่นำมารวบรวมไว้ในงานอีกมากมาย

ด้าน ปีเตอร์ คาเซนดาร์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท โลจิสติกส์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูโร เอ็กซ์โป (Mr. Peter Kazender, CEO, Logistics Exhibitions GmbH, Managing Director, Euroexpo) กล่าวว่า ด้วยความที่เราเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าเราจึงต้องตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ บนโลกใบนี้ บวกกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบห่วงโซ่อุปทาน ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ต้องการความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ จึงมีการมองหาฐานการผลิตและตลาดใหม่ๆ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นถือว่าเป็นทำเลที่ยอดเยี่ยมและตอบโจทย์ข้อนี้เป็นอย่างมาก ด้วยทรัพยากรแรงงานที่มีศักยภาพ ความพร้อมที่จะทำงาน ความพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลง และเข้าใจในอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี และประเทศไทยก็เป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญ เนื่องจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ของอาเซียนที่มีการเติบโตโดดเด่น ทำให้เราเลือกประเทศไทยในการจัดงาน ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก ในปีนี้นอกจากการขยายการจัดงานให้ยิ่งใหญ่ขึ้นแล้ว ผู้จัดงานยังมีการนำเสนอโซนใหม่ “ASEAN Cold Chains Solutions” เป็นพื้นที่ในการนำเสนอโซลูชันที่มีความเฉพาะตัว และตอบโจทย์อุตสาหกรรมหลักของกลุ่มประเทศอาเซียนมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ เบอร์ฮาร์ด มูลเลอร์ รองประธาน บริษัท เมสเซ่ สตุ๊ตการ์ท จำกัด (Mr. Bernhard Mueller, Vice President, Landesmesse Stuttgart GmbH.) กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่โดดเด่นและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เท่านั้น แต่อุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากผู้นำในตลาดอุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ เยอรมนี และจีน ประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียนเริ่มมีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะผู้ผลิต ผู้ซื้อ และผู้จัดจำหน่ายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญอาเซียนยังเป็นกลุ่มประเทศที่มี GDP ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กลุ่มประเทศเหล่านี้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนมีกำลังในการซื้อและการผลิตมากยิ่งขึ้น ร่วมการเปลี่ยนแปลงในระบบของห่วงโซ่อุปทานและเทรนด์ของอินทราโลจิสติกส์ ส่งผลให้ตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่สำคัญและน่าจับตามองอีกหนึ่งตลาดของอุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์โลก

ทางด้าน อำนาจ ประกอบสุข เลขาธิการนายกสมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทย กล่าวว่า ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นของ “Local System Integrator (Local SI)” ที่สามารถสร้างแรงขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ไทย เพราะประเทศไทยมากด้วยกิจการทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าขนาดใหญ่ โดยเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่เข้าไปพัฒนาคือต่อยอดความรู้ความสามารถให้เพิ่มพูนมากขึ้น ปรับมาตรฐานและยกระดับสู่มาตรฐานสากล โดยใช้ต้นแบบจากยุโรปมาเป็นแนวทาง พร้อมสร้างเครือข่ายภายในสมาชิกให้มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น ผ่านการออกแบบกิจกรรมสัมมนาภายในงานครั้งนี้ “งานในครั้งนี้มีการจัดแสดงที่ตอบโจทย์กับผู้เข้าร่วมงานอย่างครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม เพราะผู้ประกอบการทุกกลุ่มต่างต้องใช้คลังสินค้าเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคลังสินค้าของตัวเองหรือการใช้บริการคลังสินค้าภายนอก ภายในงานนี้ไม่เพียงจะสร้างผลดีในด้านการเจรจาธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยผู้ประกอบการให้เข้าถึงเทรนด์อุตสาหกรรมปัจจุบันที่ต้องมีการสต๊อกสินค้าได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ เช่น อาหาร ยา เคมี ยานยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย”
เตรียมพบกับงาน LogiMAT Intelligent Warehouse 2023 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี ฮอลล์ 5-6 ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.logimat-iw.com หรือติดตามบน www.facebook.com/logimatIW