สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยนโยบายที่สำคัญรอบโลก ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการเกิดปัญหาขยะพลาสติก โดยหลายประเทศได้ออกนโยบายลดการใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ ได้แก่
- ไทย ผลิตพลาสติกชีวภาพอันดับ 2 ของโลก โดยวัตถุดิบพื้นฐานที่ใช้ในการผลิตมาจากพืช เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง และผลิตเพื่อส่งออกกว่า 90% ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไทยแล้ว ยังเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และจัดการกับขยะพลาสติกได้อีกทางด้วย เนื่องจากพลาสติกชีวภาพย่อยสลายและรีไซเคิลได้ง่าย
- สหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาขยะและพลาสติกที่มีมากถึง 80 ล้านตันต่อปี และจากครึ่งหนึ่งของทั้งหมดพบว่ามาจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ทางภาครัฐจึงได้ข้อกำหนดที่ให้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องออกแบบ จัดการ และให้เงินสนับสนุนสำหรับการจัดการขยะและยุทธศาสตร์รีไซเคิลแห่งชาติที่ต้องการรวมวัสดุรีไซเคิล เข้ากับการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ พร้อมจัดตั้งนโยบาย/โครงการจูงใจเพื่อเพิ่มความต้องการใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้น ขณะเดียวกันภาคเอกชนได้ร่วมวางแผนและดำเนินการลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- สหราชอาณาจักร มุ่งเพิ่มการลงทุนในพลาสติกชีวภาพ เพื่อส่งเสริมประเด็นด้านความยั่งยืน และการลดขยะพลาสติก โดยรัฐบาลได้ประกาศแผนสิ่งแวดล้อม 25 ปี และยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชีวภาพ ที่สนับสนุนให้โลกก้าวสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการพัฒนาด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม สินค้า และบริการแห่งอนาคต และการส่งเสริมการพัฒนาพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- จีน ได้ประกาศห้ามใช้พลาสติกและบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายไม่ได้อย่างเข้มงวด ตั้งแต่ ปี 2021 และส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายการลดปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมทั้งกระตุ้นการบริโภคสีเขียวให้สำเร็จภายในปี 2025 และในปี 2023 พบว่าผู้บริโภคชาวจีนกว่า 65% ยอมจ่ายเพื่อบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
- ฟินแลนด์ กำหนดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชีวิภาพ 2022-2035 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของเศรษฐกิจชีวิภาพเป็น 2 เท่า โดยคำนึงถึงความยั่งยืนทางนิเวศวิทยา สังคม และเศรษฐกิจ และยังสร้างแผนงานพลาสติกสำหรับฟินแลนด์ เป้าหมาย 3R (Reduce, Recycle และ Replace) เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนของพลาสติก
- เยอรมนี จัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยเศรษฐกิจชีวภาพแห่งชาติ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรฟอสซิล และส่งเสริมการผลิตและการใช้วัสดุหมุนเวียน และออกกฎหมายบรรจุภัณฑ์ฉบับบใหม่ “Verpackungsgesetz” เพื่อส่งเสริมการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ และเก็บค่าธรรมเนียมขยะบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ภาครัฐยังให้การสนับสนุนเงินวิจัยเพื่อขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจชีวภาพอีกด้วย
- ออสเตรเลีย มีบรรจุภัณฑ์ในตลาดกว่า 6.3 ล้านตันต่อปี มีเพียง 54% เท่านั้นที่ถูกนำมารีไซเคิล ในปี 2018 รัฐบาลได้ประกาศแผน National Packaging Targets เพื่อเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือย่อยสลายได้ภายในปี 2025 และแผน National Plastics Plan ที่กำหนดให้เลิกใช้โฟม ในปี 2022
- อินโดนีเซีย สินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกมีสัดส่วนมากที่สุดในตลาดสินค้าพลาสติก และมีบรรจุภัณฑ์พลาสติกในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มกว่า 70% ของตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติก ทางรัฐบาลจึงตั้งเป้าลดการใช้พลาสติกลง 70% ภายในปี 2025 และทางภาคเอกชนเองก็ได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่รักษ์โลกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขยะพลาสติก เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อย่อยสลาย และในระยะสิบปีนั้น หากยังมีการใช้พลาสติกต่อไป ก็จะทำให้เกิดการสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาขยะพลาสติกก็จะยังคงอยู่เช่นเดิม และการแก้ไขต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการลดการใช้พลาสติก หลายประเทศจึงออกกฎหมายและนโยบายเพื่อสนับสนุนให้ใช้วัสดุอื่นทดแทน เพื่อความมั่นคงของโลกและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนต่อไป
ที่มา: https://tpso.go.th/news