เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ ไฮ่ x DHC แมนซั่ม แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ เพียวริคุ ซันสแนค และวอริเออร์ ได้จัดงานประชุมด้านความยั่งยืนขึ้น ภายใต้แนวคิด Net Zero Transition…From Commitment to Action หรือการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero จากพันธสัญญาสู่การปฏิบัติ เพื่อปลุกพลังอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เร่งลงมือปฏิบัติเพื่อหนุนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศอันดับที่ 9 จาก 180 ประเทศทั่วโลกที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นทั้งภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เกษตรกรรม และกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จึงมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ นอกจากนี้ยังมีกฎระเบียบทางการค้าใหม่ ๆ ระดับโลกที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นอีกบททดสอบหนึ่งสำหรับภาคธุรกิจ เปลี่ยนจากการดำเนินการโดยสมัครใจไปสู่ข้อกำหนดที่เป็นทางการร่วมกัน
รายงานล่าสุดของธนาคารโลก (2022) ยังแนะนำทางออกให้ไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจหรือ GDP เติบโตขึ้น 1.2% จากปีฐาน หรือเพิ่มขึ้น 0.1-0.2% ต่อปีภายในปี 2030 และมีโอกาสสร้างงานได้ถึง 160,000 ตำแหน่ง
สำหรับกลุ่มธุรกิจ TCP โจทย์ไม่ได้มองการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Net Zero เท่านั้น แต่ต้องการรวมพลังภาคส่วนต่าง ๆ เปลี่ยนพันธสัญญาไปให้ถึงการลงมือปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง มากกว่านั้นคือการสร้าง “อัตราเร่ง” โดยจากนี้ต้องมีความชัดเจนในการเดินทางไปสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ รวมถึงประเทศไทยที่ประกาศเป้าหมาย Net Zero ในปี 2065
ทั้งนี้ TCP ให้ความสำคัญกับการปลุกพลังห่วงใยสิ่งแวดล้อม (Caring) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลัก โดยได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ได้แก่
1.เศรษฐกิจหมุนเวียน ภายในปี 2024 ตั้งเป้าพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดความหนาของกระป๋องอะลูมิเนียม การลดน้ำหนักบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว และขวดพลาสติกเพื่อลดการใช้ทรัพยากร
2.ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 จากทุกกระบวนการทำงานในธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ
3.การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เนื่องจากธุรกิจเราเกี่ยวข้องกับน้ำ จึงตั้งเป้าลดการใช้ทรัพยากรน้ำ และคืนน้ำกลับสู่ธรรมชาติและชุมชนให้มากกว่าน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิต (Net Water Positive) ภายในปี 2030
“สำหรับขวดแก้ว ยังเป็นความท้าทายอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% ด้วยวิธีการหลอม แต่ก็ยังมีปัญหาอีกมากมาย เช่น ในกระบวนการผลิตแก้ว ต้องใช้เศษแก้ว ไม่ใช้ไม่ได้ ปัญหาที่โรงผลิตแก้วทุกโรงเจอคือหาเศษแก้วไม่ได้ มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ แล้วราคาเศษแก้วก็แพงขึ้นเรื่อย ๆ ตรงนี้ผมมองว่ายังท้าทาย ต้องทำงานต่อไป” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าว