จากวิถีใหม่ของผู้บริโภคที่ไม่เพียงใส่ใจสุขภาพเท่านั้น แต่ยังใส่ใจโลกมากขึ้น โดยทางกันตาร์ (Kantar) ได้ทำการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่า คนไทยกว่า 63% ระบุว่า ขยะพลาสติกเป็น 1 ใน 5 ปัญหาสิ่งแวดล้อมอันดับ 1 ในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าคนไทยให้ความใส่ใจในปัญหาขยะพลาสติกมากขึ้น ซึ่งกรมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำเสนอข้อมูลว่าในปี พ.ศ. 2562 คนไทยสร้างขยะพลาสติกมากถึง 1.14 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน และมีขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยประมาณ 27.04 ล้านตันต่อปี นอกจากนั้นในปี พ.ศ. 2563 มีแนวโน้มที่จะเกิดขยะพลาสติกมากขึ้นด้วย
ด้วยตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เนสกาแฟ ซึ่งเป็นแบรนด์กาแฟที่คนไทยรู้จักดี ได้ประกาศพันธกิจด้านความยั่งยืน โดยเริ่มเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ให้นำไปรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2565 และสอดคล้องกับแผนการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 ของภาครัฐอีกด้วย โดยเนสกาแฟมี 2 กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ การนำเสนอนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์สีเขียวออกสู่ตลาดเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคสายรักษ์โลกอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างอนาคตที่ปลอดขยะ ด้วยการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วมาอัปไซเคิลเป็นไอเท็มต่าง ๆ เป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์แห่งความยั่งยืน ซึ่งเป็นพันธกิจเนสท์เล่ระดับโลกในกการสร้างสรรค์อนาคตปลอดขยะนั่นเอง

นาริฐา วิบูลยเสข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เนสกาแฟให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนเป็นอันดับแรก จึงได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อโลกสีเขียวอย่างไม่หยุดยั้ง และมีเป้าหมายจะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้นำไปรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2565 โดยนำร่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู และกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟพร้อมดื่ม ก่อนจะขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
“เมื่อปีที่แล้ว บริษัทได้เริ่มเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ภายนอกของเนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิมมาเป็นบรรจุภัณฑ์กระดาษเป็นครั้งแรกของเนสกาแฟทั่วโลก เพื่อทดแทนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเอาใจคอกาแฟรักษ์โลก มาถึงปีนี้ โจทย์ใหญ่ของเนสกาแฟ คือ การออกแบบซองเนสกาแฟให้นำไปรีไซเคิลได้ เพราะซองกาแฟปกติจะใช้วัสดุหลายชนิด เพื่อเก็บรักษาคุณภาพของกาแฟที่ดีไว้ ทำให้รีไซเคิลได้ยาก”
จากโจทย์ดังกล่าว ทีมพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่ ประเทศไทย จึงได้ริเริ่มพัฒนาบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกขึ้น โดยจับมือกับบริษัทผู้ผลิตฟิล์มลามิเนตชั้นนำ ร่วมกับทีมวิจัยและทีมวิศกรจากสวิตเซอร์แลนด์และสิงคโปร์พัฒนาบรรจุภัณฑ์ต้นแบบออกมากว่า 20 ต้นแบบ ใช้เวลาคิดค้นกว่า 2 ปี จึงประสบความสำเร็จในการพัฒนาซองเนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิม ให้เป็นนวัตกรรมแบบ Mono Structure ที่ผลิตจากพลาสติกตระกูลเดียวกัน มาพร้อมคุณสมบัติในการกักเก็บรสชาติ กลิ่น และความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่บรรจุอยู่ในซองจนถึงมือผู้บริโภคและสามารถนำไปรีไซเคิลได้เป็นครั้งแรกของโลก เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา

“จากความสำเร็จครั้งนี้ เนสกาแฟได้นำนวัตกรรมดังกล่าวมาขยายผลให้ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรูทั้งหมดภายในไตรมาส 1ปีพ.ศ.2564โดยตอนนี้ได้เริ่มทยอยเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อยลง 25%และสูตรไม่มีน้ำตาลทรายแล้ว นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ริเริ่มนวัตกรรมนี้เป็นประเทศแรกในโลก และจะนำไปเผยแพร่และทดลองในเนสท์เล่ประเทศอื่น ๆ ต่อไป”
สำหรับในกลุ่มธุรกิจกาแฟอื่น ๆ นาริฐา เสริมว่า มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อโลกเช่นกัน อาทิ กลุ่มกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม เนสกาแฟถือเป็นแบรนด์แรก ๆ ในตลาดที่สามารถเปลี่ยนมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียมที่นำไปรีไซเคิลได้ 100% ทั้งหมดในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากทยอยเปลี่ยนมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียมใน 2 รสชาติ คือ ลาเต้ และ แบล็คไอซ์ ตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา และล่าสุดคือ เอสเปรสโซ โรสต์
“เราหวังว่า การประกาศพันธกิจสู่ความยั่งยืนในครั้งนี้จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์สีเขียวกันมากขึ้น และสร้างสรรค์สังคมไทยให้ปลอดขยะในอนาคต”
จากความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน จึงเป็นที่มาของแคมเปญเนสกาแฟ เดย์ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “เชื่อมทุกความผูกพัน ชงเพื่อความยั่งยืน” โดยชวนคอกาแฟทั่วประเทศมาร่วมรักษ์โลก ด้วยการโชว์เคสไอเดียการอัปไซคลิ่งบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการนำซองผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ที่คอกาแฟส่งมาร่วมชิงโชคทุกปี มาเพิ่มมูลค่าด้วยการอัปไซคลิ่งเป็นวัสดุรักษ์โลกอย่างไม้เทียม (Wood Plastic Composite- WPC) สำหรับทำเป็นโต๊ะอาหารเพื่อมอบให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ 100 โรงเรียน พร้อมกับนำไปใช้ตกแต่งเนสกาแฟฮับ 7 สาขา ได้แก่ 2 สาขาใหม่คือ BTS เพลินจิต และหมอชิต และจะทยอยเปลี่ยนใน 5 สาขาเดิม คือ BTS ชิดลม อารีย์ อนุสาวรีย์ชัยฯศาลาแดง และช่องนนทรี และตกแต่งเนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ด้วย
ในส่วนของเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ได้จัดการประกวดสร้างสรรค์ไอเท็มใหม่จากการนำกระป๋องอะลูมิเนียมไปรีไซเคิล โดยร่วมมือกับอาจารย์วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง นำกระป๋องอะลูมิเนียมใช้แล้วมาสร้าง Prototype หุ่นยนต์สั่งการด้วยเสียงที่สามารถแจกตัวอย่างเครื่องดื่มได้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาอาชีวะได้เห็นว่า ขยะสามารถนำไปใช้ต่อยอดเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมได้
พันธกิจเพื่อความยั่งยืน และนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อโลกสีเขียว
เพื่อก้าวสู่อนาคตที่ปลอดขยะ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ลดการสร้างผลกระทบต่อโลก และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เนสท์เล่ได้ดำเนินการตามพันธกิจความยั่งยืนระดับโลกที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้สามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ มีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้ง (Single Use Plastic)

-กลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงสำเร็จ : เมื่อปี พ.ศ. 2562 ได้เริ่มเปลี่ยนซองบรรจุภัณฑ์ด้านนอกของเนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิม เป็นซองกระดาษ ซึ่งถือเป็นประเทศแรกของเนสท์เล่ทั่วโลก ส่วนปี พ.ศ. 2563 ได้เปิดตัวซองลามิเนตที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้สำหรับผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิม ซองลามิเนตชนิดนี้ผลิตขึ้นจากพลาสติกตระกูลเดียวกัน (Mono Structure) ที่มีชื่อเรียกว่า Polyolefin สามารถนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการแยกชั้นของพลาสติกซึ่งเป็นเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะ และซองนี้ยังสามารถรักษาคุณภาพของกาแฟตามมาตรฐานได้ด้วย..

–กลุ่มกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม : ในปี พ.ศ. 2562 เนสท์เล่ได้เริ่มเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟกระป๋อง ลาเต้ และแบล็กไอซ์จากกระป๋องเหล็กเป็นอะลูมิเนียมที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% และในปี พ.ศ. 2563 เนสท์เล่จะเดินหน้าเปลี่ยนกระป๋องเนสกาแฟ เอสเพรสโซ่ โรสต์ เป็นกระป๋องอะลูมิเนียม จากนโยบายนี้ทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มทั้งหมดสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100 % กระป๋องอะลูมิเนียมนี้มีคุณสมบัติที่เย็นเร็ว จึงเหมาะสำหรับประเทศเมืองร้อน และกระป๋องชนิดนี้จะไม่เกิดสนิม น้ำหนักเบาลงทำให้ขนส่งได้มากขึ้น และไม่ต้องเขย่าก่อนดื่มก็ยังได้้รสชาติเหมือนเดิม

-กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม : ขวด PET ของน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ และมิเนเร่ สามารถรีไซเคิลได้ 100% ได้เปลี่ยนสีขวดน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ให้เป็นขวดใส ส่วนฉลากก็ใช้พลาสติกเกรด PP และใช้กาวติดจึงแกะออกได้สะดวก ทั้งหมดก็เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปรีไซเคิล และใช้เทคโนโลยีเพื่อผลิตขวดให้แข็งแรงเหมือนเดิม จับขวดแล้วไม่ยวบมือ แต่ใช้พลาสติกผลิตใหม่น้อยลง

–กลุ่มผลิตภัณฑ์ไอศกรีม : ผลิตภัณฑ์Nestlé Extreme Nama รส Nama Orange และรส Nama Dark Chocolate Brownies ในประเทศไทย ถือเป็นประเทศแรกของโลกและเจ้าแรกในตลาดที่ใช้บรรจุภัณฑ์ซองไอศกรีมที่เป็นกระดาษ โดยใช้กระดาษที่ผลิตจากเยื่อกระดาษบริสุทธิ์ 100% ได้รับการรับรองจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง Forest Stewardship Council (FSC) ว่าใช้วัสดุที่มาจากแหล่งผลิตกระดาษที่สามารถทดแทนได้และมีการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ซองไอศกรีมกระดาษนี้เป็นการคิดค้นพัฒนาร่วมกันของทีมเนสท์เล่ไอศกรีมในประเทศไทยและระดับโลก

–กลุ่มผลิตภัณฑ์ยูเอชที : ผลิตภัณฑ์ Nestlé Extreme Nama ได้แก่รส Nama Orange และรส Nama Dark Chocolate Brownies ได้เปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษที่โค้งงอได้เป็นครั้งแรกของวงการยูเอชทีในประเทศไทย เมื่อกลางปี พ.ศ. 2563 ได้เริ่มใช้กับผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรน้ำตาลน้อยกว่า 30% และสูตรไม่มีน้ำตาลทราย โดยวางแผนขยายการรผลิตให้ครอบคลุมครบทุกรสชาติและทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของไมโล ยูเอชทีภายในปี พ.ศ. 2564 คาดการณ์จะช่วยลดการใช้หลอดพลาสติกได้มากกว่า 100 ล้านหลอด ภายในปี พ.ศ. 2564
โดยนวัตกรรมหลอดกระดาษโค้งงอได้นี้ ได้รับการรับรองจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง Forest Stewardship Council (FSC) ผลิตภายใต้มาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด
(ข้อมูลและภาพประกอบจาก https://www.nestle.co.th/th/stories/recyclable-packaging)