กลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “KAITEKI: การพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับผู้คนและโลก” โดยใช้ความเชี่ยวชาญทางวัสดุและความเป็นผู้นำทางด้านวัสดุศาสตร์เพื่อพัฒนากลุ่มตลาดหลัก เช่น ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ดิจิทัล อาหาร และการแพทย์ เป้าหมายคือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืน และคุณภาพชีวิต โดยร่วมมือกันสร้างสรรค์โซลูชันเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคม
วารสารบรรจุภัณฑ์ไทยได้มีโอกาสพูดคุยกับ ชินทาโร่ ยาจิมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล สิงคโปร์ ในฐานะผู้นำธุรกิจทางด้านวัสดุศาสตร์ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ เขามุ่งมั่นเพื่อนำเสนอนวัตกรรมโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “KAITEKI” และยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ รวมไปถึงนวัตกรรมการบรรจุภัณฑ์ที่จะนำไปเสนอในงาน ProPak Asia 2024 ด้วย
การเข้าสู่ตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ชินทาโร่ ยาจิมะ กล่าวว่า ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล มุ่งให้ความสำคัญในกลุ่มตลาดยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ดิจิทัล อาหาร การแพทย์ อาคาร/โครงสร้างพื้นฐาน สินค้าอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรม เป็นหลัก กลุ่มบริษัทฯ เล็งเห็นว่า อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) เติบโตอย่างรวดเร็วเกิน 7% ต่อปี จึงคาดการณ์ว่ายอดขายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะเติบโตอย่างน้อย 7% กลุ่มบริษัทฯ ยังมีฐานลูกค้าที่สำคัญในภูมิภาคนี้ พร้อมกับธุรกิจในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีความสนใจในเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราให้ความสนใจตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ธุรกิจอาหารและเภสัชกรรมเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของกลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล
กลุ่มบริษัทฯ คาดหวังว่าจะขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับการเติบโตของตลาด นอกจากจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นในตลาดแล้ว เรายังมีเป้าหมายพัฒนาธุรกิจทั่วโลก และยกระดับนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความยั่งยืน กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของกลุ่มบริษัทฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คือกลุ่มธุรกิจอาหารและเภสัชกรรม เนื่องจากกลุ่มธุรกิจเหล่านี้มีเทคโนโลยีฟิล์มที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งสามารถเพิ่มฟังก์ชันต่าง ๆ เพื่อสร้างฟิล์มที่มีคุณสมบัติป้องกันแก๊ส ระบายน้ำ และมีหลายชั้น เป็นต้น เราคาดว่า ด้วยความต้องการคุณสมบัติเหล่านี้ที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีฟิล์ม โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จะทำให้ยอดขายของเราเติบโตขึ้น
“ความยั่งยืน” เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจ
กลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล ได้นำแนวคิด KAITEKI มาใช้ในการดำเนินงาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 โดยยึดความยั่งยืนเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ ได้ผนวกแนวคิด KAITEKI ไปในพันธกิจของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อทำให้แนวคิดนี้ใช้ในการพัฒนาวิถีชีวิตที่ยั่งยืนสำหรับผู้คนและโลกได้จริง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง “Science. Value. Life.” เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นต่อแนวคิดดังกล่าว และปรับการดำเนินงานให้ไปในทิศทางเดียวกัน แนวคิด KAITEKI นี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินธุรกิจและการตัดสินใจในกลุ่มบริษัทฯ อันประกอบไปด้วยหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1. การจัดการความยั่งยืน (Management of Sustainability: MOS), 2. การจัดการเทคโนโลยี (Management of Technology: MOT), และ 3. การจัดการเศรษฐกิจ (Management of Economics: MOE) รวมถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยให้ความสำคัญกับด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล
เป้าหมายด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล
กลุ่มบริษัทฯ ได้ริเริ่มโครงการเพื่อเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานให้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จนถึงปี พ.ศ. 2593 กลุ่มบริษัทฯ มีความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกโดยเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนและดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในศูนย์การผลิตโพลีเมอร์ประสิทธิภาพสูงและกลุ่มธุรกิจวัสดุพิเศษ
เป้าหมายด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ คือ กลุ่มบริษัทฯ มุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593 ด้วยเหตุนี้ ทางกลุ่มบริษัทฯ จึงได้กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานทางธุรกิจ อาทิ เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายจากผลกำไรของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน และเป้าหมายการจัดการน้ำและของเสีย
- การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
มูลค่าเป้าหมาย: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และขอบเขตที่ 2 ลง 29% ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2573 บรรลุเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2593
- ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน
มูลค่าเป้าหมาย: 20% ของรายได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
- การจัดการของเสียและน้ำ
มูลค่าเป้าหมาย: อัตรา -50% ของการลดของเสียจากการฝังกลบภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กลุ่มบริษัทฯ จะบรรลุการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น โดยการดำเนินการตามกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ที่สอดคล้องกับการเติบโตทางธุรกิจ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน
นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่นำไปจัดแสดงในงาน ProPak 2024
DIAMIRON™: ฟิล์มบรรจุภัณฑ์อาหารหลายชั้นที่ประกอบด้วยโพลีอะไมด์ (Polyamide), EVOH, และโพลีโอเลฟิน(Polyolefin) โดยใช้เทคโนโลยี Co-Extrusion ของกลุ่มบริษัทฯ ฟิล์มชนิดนี้ปลอดจากเรซินที่มีคลอรีนและเหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายแอปพลิเคชัน เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องมือทางการแพทย์ และวัสดุอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ของเราผลิตตามมาตรฐานการควบคุมคุณภาพ ทำให้มีคุณสมบัติที่ลอกออกง่าย (Easy Peelable) เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถรีไซเคิลได้ด้วยโครงสร้างวัสดุเดียว (Mono Material Structure) จุดเด่นของ DIAMIRON™ คือ ความสามารถในการปรับโครงสร้างฟิล์มตามความต้องการของลูกค้า โดยเรามีศูนย์การผลิตในจังหวัดระยอง
SoarnoL™ (EVOH): เรซิน EVOH มีคุณสมบัติที่สำคัญ เช่น ป้องกันการซึมผ่านของก๊าซได้ดี ความทนทานต่อน้ำมันและสารเคมี โปร่งใส และสามารถคงรสชาติอาหารได้ คุณสมบัติดังกล่าวจึงช่วยลดปริมาณขยะจากบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยรักษาความสดใหม่ของอาหารและคงรสชาติอาหารดั้งเดิมไว้ได้ สาร SoarnoL™ นี้ใช้ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร ถังเชื้อเพลิงพลาสติก และในการใช้งานอื่น ๆ โดยมีศูนย์การผลิตอยู่ทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร โดย EVOH ถือเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ในกระบวนการรีไซเคิลโพลีเอทิลีน กลุ่มบริษัทฯ จึงตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตที่ศูนย์การผลิตในสหราชอาณาจักรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
NICHIGO G POLYMER™: ไนโคโก้ จี พอลิเมอร์ (NICHIGO G POLYMER™) คือ บิวเทนไดออล ไวนิลแอลกอฮอล์ โคโพลิเมอร์ (BVOH) ซึ่งเป็นเรซิ่นที่มีส่วนผสมหลักเป็นไวนิลแอลกอฮอล์พิเศษ โดยมีคุณสมบัติการละลายน้ำดีเยี่ยม สามารถกั้นก๊าซได้ ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ดี ซึ่งวัสดุนี้ได้นำมาใช้กั้นก๊าซสำหรับการเคลือบที่ไม่สามารถทำได้ด้วยโพลิเมอร์ไวนิลแอลกอฮอล์ (PVOH) ตามปกติ คุณสมบัติดังกล่าวสามารถนำมาใช้ได้เป็นอย่างดีในการกั้นก๊าซสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารและวัสดุบรรจุภัณฑ์กั้นก๊าซที่ย่อยสลายได้ รวมถึงวัสดุที่มีส่วนประกอบของเรซินย่อยสลายได้ (Biodegradable Resins) อาทิเช่น ไบโอ-โพลีเอสเตอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดการสูญเสียอาหาร โดยสามารถรักษารสชาติและคุณภาพของอาหารได้นานขึ้น จากคุณสมบัติดังกล่าวทำให้ความต้องการวัสดุบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากอีกด้วย
MODIC™: โพลีเมอร์ยึดติดที่มีพื้นฐานจากโพลีโอเลฟิน ซึ่งสามารถคงคุณสมบัติของโพลีโอเลฟินไว้ได้ อาทิเช่น สมบัติเชิงกล สมบัติทางความร้อน การทนทานต่อสารเคมี และสามารถนำมาผลิตได้ในแอปพลิเคชันที่มีชั้นกั้นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการใช้เทคนิคการผสมของกลุ่มบริษัทฯ โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
BioPBS™: คือไบโอพอลิเมอร์ หรือพลาสติกที่ผลิตจากวัตถุดิบทางธรรมชาติ (Bio-based) และสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradable Plastic) ภายใต้สภาวะที่เหมาะสมของอุณหภูมิ ความชื้น และจุลินทรีย์ ทำให้เกิดการย่อยสลายทางชีวภาพกลายเป็นน้ำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และชีวมวลนอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จาก BioPBS™ ยังทนต่อการใช้งานที่ความร้อนสูงเมื่อเทียบกับ ไบโอพอลิเมอร์ หรือพลาสติกที่ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติอื่นๆ และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง BioPBS™ ได้รับการรับรองการสัมผัสกับอาหารโดยตรง ซึ่งทำให้สามารถใช้งานในผลิตภัณฑ์บรรจุอาหารได้อย่างปลอดภัย อาทิเช่น ภาชนะใช้แล้วทิ้ง หรือถ้วยกระดาษ
BioPBS™ เป็นวัสดุทางเลือกสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ซึ่งสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนไปทั่วโลก และยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับหลายๆ อุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคม
พีทีที เอ็มซีซี ไบโอเคม (พีทีทีเอ็มซีซี) เป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (จีซี) กับมิตซูบิชิ เคมิคอล คอร์ปอเรชั่น (เอ็มซีซี) ปัจจุบันมีศูนย์การผลิตตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง
ProPak 2024
“ProPak Asia 2024 เป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับกลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล ในการนำเสนอนวัตกรรมที่กล่าวไปข้างต้นให้ทุกคนได้รับชม และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารของกลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล ต้องการใช้โอกาสนี้ในการสร้างแบรนด์ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดขนาดใหญ่ เป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับการทำธุรกิจของเรา ดังนั้น กลุ่มบริษัทฯ จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการทำหน้าที่สร้างสรรค์นวัตกรรมโดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคนี้ผ่านสายการผลิตที่เรามีอยู่มากมาย”