
ซีพีเอฟ หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นในเส้นทางธุรกิจสีเขียว (Green Business) เชิญทุกคนมาร่วมดูแลโลกเพื่อความยั่งยืน และพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำและผลิตภัณฑ์ปลอดคาร์บอน ทั้งยังตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ชูผลิตภัณฑ์หมู ไก่ กุ้ง และไข่ไก่ ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) รวมถึงผลิตภัณฑ์แพลนท์เบส รายแรกของไทยที่ได้รับรองฉลากคาร์บอน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจากผลิตภัณฑ์สีเขียวเป็น 40 % ภายในปี 2030
อรพรรณ มั่งมีศรี ผู้อำนวยการสำนักระบบมาตรฐานสากล ซีพีเอฟ เผยว่า ซีพีเอฟ มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ผลิตอาหารคุณภาพ ปลอดภัย มีโภชนาการที่ดี และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมา บริษัทฯไม่หยุดนิ่งในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) และดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ESG (Environment Social Governance) ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งตั้งแต่ปี 2552 – ปัจจุบัน บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint Label) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. รวม 880 รายการ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ หมู ไก่ กุ้ง เป็ด และ ไข่ไก่ ได้รับการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) เช่น ในกลุ่มกุ้ง ได้รับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ตั้งแต่ อาหารกุ้ง ลูกกุ้ง กุ้งสด กุ้งแช่แข็ง และเกี๊ยวกุ้ง เป็นต้น ซีพีเอฟมีผลิตภัณฑ์คาร์บอนตํ่าที่ได้รับรองฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint Reduction Label) จำนวน 56 รายการ อาทิ อาหารไก่เนื้อ ไก่มีชีวิต สุกรขุน เนื้อไก่สด เนื้อหมูสด และไข่ไก่ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ยังได้รับฉลากคาร์บอนนิวทรัล (Carbon Neutral Product) รวม 2 รายการ ได้แก่ ไข่ไก่ Cage Free แบรนด์ยูฟาร์ม (U Farm) แพ็กเกจขนาด 4 ฟอง/แพ็ก และขนาด 10 ฟอง/แพ็ก นับเป็นไข่ไก่เคจฟรี (ไก่ที่เลี้ยงในโรงเรือนแบบไม่ขังกรง) ปลอดคาร์บอนรายแรกของทวีปเอเชีย ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการลดคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุด และจัดหาคาร์บอนเครดิตมาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนที่เหลือ เพื่อให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์เท่ากับศูนย์
นอกจากนี้ ปี 2566 ที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์จาก อบก. 62 รายการ และในจำนวนนี้เป็นผลิตภัณฑ์แพลนท์เบส เช่น นักเก็ตไก่จากพืช เนื้อบดจากพืช นับได้ว่า ซีพีเอฟ คือรายแรกของไทยที่ผลิตภัณฑ์แพลนท์เบสได้รับรองฉลากคาร์บอน
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์จำนวน 880 รายการ ผลิตภัณฑ์คาร์บอนตํ่าที่ได้รับรองฉลากลดโลกร้อนจำนวน 56 รายการ และไข่ไก่ปลอดคาร์บอนอีก 2 รายการ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ไม่ต่ำกว่า 2.34 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยซีพีเอฟมุ่งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียวต่อไป ตั้งเป้าในปี 2023 สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์สีเขียวของบริษัทฯจะอยู่ที่ 38 % และเพิ่มเป็น 40 % ภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำที่ได้รับรองจาก อบก. หลายรายการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม เช่น ไข่ไก่สดซีพี ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมถึง 30 % เนื้อไก่สด 50 % และเนื้อหมูสด 13 % สอดคล้องกับความต้องการผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำของผู้บริโภคทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2552 ซีพีเอฟได้ประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ โดยปฏิบัติตามหลักการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน ISO 14040 ISO 14044 และ ISO 14067 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกใช้วัตถุดิบ การผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ และการแปรรูปอาหาร รวมถึงการประเมินประสิทธิภาพเชิงเศรษฐนิเวศ (Eco-Efficiency Analysis) ซึ่งเป็นการประเมินประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิตควบคู่ไปกับการประเมินผลกระทบของผลิตภัณฑ์ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสังคม