
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดงาน Food Ingredients Vietnam 2024 งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมอาหารสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มแห่งเวียดนาม พร้อมส่งผู้ประกอบการ นักธุรกิจไทย สร้างเครือข่ายขยายโอกาสในตลาดเวียดนาม คาดมีผู้ร่วมงานไม่น้อยกว่า 6,000 คน
ประเทศเวียดนาม เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของเวียดนามจะขยายตัวถึง 7% ในปี 2567 และมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีก จึงเป็นโอกาสที่สำคัญของผู้ประกอบการไทย และจำนวนนักลงทุนของไทยที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในเวียดนามติด 1 ใน 10 จาก 144 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป ขณะที่มูลค่าของตลาดอาหารและเครื่องดื่มของเวียดนามในปี 2567 Euromonitor คาดการณ์ไว้ว่า มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.92
โดยไทย – เวียดนาม มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนผ่านยุทธศาสตร์การเชื่อมโยง 3 ด้าน ได้แก่ 1. การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมที่เกื้อหนุนกัน 2. เศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย รวมไปถึงธุรกิจท้องถิ่น และ 3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ – เศรษฐกิจหมุนเวียน – เศรษฐกิจสีเขียวของไทย และยุทธศาสตร์การพัฒนาสีเขียวของเวียดนาม

รุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ตลาดอาหารและเครื่องดื่มเวียดนาม คือหนึ่งในตลาดที่ได้รับการประเมินว่าอยู่ใน 10 อันดับแรกของตลาดที่น่าดึงดูดที่สุดในเอเชีย โดยมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10 – 12% ในปี 2566 อุตสาหกรรมอาหารของเวียดนามมีรายได้สูงเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม คิดเป็น 14% ของจีดีพีของประเทศ และเป็นอันดับ 11 ของโลกในด้านการบริโภคภายในประเทศ องค์ประกอบสำคัญที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของประชากร มีการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อมากขึ้น

“ประชากรของเวียดนามกลุ่มอายุระหว่าง 25 – 54 ปี มีจำนวน 45% ของประชากรทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่ม GenZ ที่มีอิทธิพลต่อการบริโภค นี่จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะเข้ามาอัปเดตเทรนด์การบริโภคของคนเวียดนาม ซึ่งเราจะฉายภาพผ่านงาน Food Ingredients Vietnam 2024” การลงทุนในเวียดนาม ผู้ประกอบการไทยเราค่อนข้างมีภาษีในหลายด้าน เนื่องจากคนเวียดนามชื่นชอบความเป็นไทย หากผู้ประกอบการไทยจะลงทุนและนำเสนอสินค้าไทย น่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เราสามารถแข่งขันได้ นอกจากเทรนด์การบริโภคที่เราต้องอัปเดตแล้ว ยังต้องศึกษากฎหมาย กฎระเบียบให้ดี เพราะผู้บริโภคเวียดนามมีความเป็น Loyalty ต่อแบรนด์สูง พร้อมจะทดลองสินค้าใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและน่าสนใจ และคนเวียดนามยุคใหม่นิยมใช้สื่อดิจิทัล”

Food Ingredients Vietnam 2024 งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่ม เวทีสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึงภายในงานจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้ร่วมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจกับพันธมิตรที่มาร่วมงาน โดยแบ่งเป็นพาวิเลียน ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องดื่ม ส่วนประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ ส่วนประกอบจากธรรมชาติ ศูนย์รวมเครื่องดื่ม งานสัมมนาระดับนานาชาติ สัมมาเชิงเทคนิค กิจกรรม Business Matching และโซนความยั่งยืน อีกทั้ง ผู้ประกอบการไทยยังมีบทบาทสำคัญในการร่วมนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในงานนี้ ได้แก่ Adinop Co., Ltd., Banpong Tapioca Flour Industrial Co., Ltd., Burapa Prosper Co., Ltd., Lanxess Thai, Le Fin Du Fin และ Multitech Foods Manufacturing Co., Ltd. ซึ่งต่างเป็นผู้นำในวงการส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่ม

นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานสัมนาหัวข้อ “Shaping the Future of Food: A Collaborative Approach” โดยผู้แทนจาก สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) และบริษัท TASTEBUD LAB/Bio Buddy มาร่วมนำเสนอแนวคิดและการพัฒนาเทคโนโลยีอาหาร รวมถึงการขับเคลื่อนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือในวงการอาหารเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยงาน Food Ingredients Vietnam 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 11 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไซ่ง่อน (SECC) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม