
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการผลิตอาหารของประเทศไทยกำลังอยู่ในเส้นทางของการเติบโต ซึ่งคาดว่าในปี 2567 จะเติบโตถึง 5% โดย บริษัท เจ-เทค แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง จำกัด (J-Tec Material Handling) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการออกแบบและสร้างระบบลำเลียงวัตถุดิบอัตโนมัติและเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ได้นำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาการออกแบบเฉพาะทาง เพื่อรองรับการแปรรูปและการผลิตอาหารที่ทันสมัย ตามมาตรฐานสุขอนามัยและประหยัดพลังงาน ทำให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตอาหารในประเทศไทย
ตอบสนองต่อแนวโน้มของผู้บริโภคและการเติบโตของตลาด
ในปี 2567 เทรนด์อาหารและสุขภาพเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอาหารและสุขภาพทั่วโลก และประเทศไทยเองก็ให้ความสนใจในเทรนด์อาหารและสุขภาพเช่นกัน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้น 3% – 4% ต่อปี โดยมีความต้องการในด้านผลิตภัณฑ์ที่เน้นสุขภาพ อาหารและวิตามินในรูปแบบต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น เทคโนโลยีด้านการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการผลิตอาหารของประเทศไทย เพราะช่วยลดปัญหาในการจัดหาแรงงาน และช่วยเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ทั้งนี้ เจ-เทค ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมในการดูแลระบบอัตโนมัติ พร้อมทั้งชำนาญในการออกแบบให้ถูกต้องตามหลักมาตรฐานสุขอนามัยของยุโรป หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า EHEDG (European Hygienic Equipment Design Group)
ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและเทคโนโลยีล้ำสมัย
เจ-เทค นำเสนอนวัตกรรมใหม่ hygienic valves สำหรับการลำเลียงวัตถุดิบโดย Big Bag Handling ซึ่งตรงตามมาตรฐานสูงสุดด้านสุขอนามัยสำหรับโภชนาการทารก โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการแปรรูปอาหาร ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนแรงงานและพัฒนาความแม่นยำในการผลิต ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเจ-เทค ต่อความเป็นเลิศในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและช่วยให้ลูกค้าแต่ละรายบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ
Jordy Vanden Eynde ผู้อํานวยการฝ่ายขายในภูมิภาคอาเซียน บริษัท เจ-เทค แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง จำกัด กล่าวว่า เจ-เทค มุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมใหม่ที่ได้มาตรฐานสุขอนามัยมาสู่อุตสาหกรรมการผลิตอาหารในประเทศไทย ภารกิจของเราคือการออกแบบและนำเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญมาพัฒนาตามความต้องการของลูกค้า เราภูมิใจที่จะนำการเแปลี่ยนแปลงมาสู่อุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนค่าแรง อีกทั้งยังช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถรองรับการเติบโตของยอดประมาณการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและความพึงพอใจของลูกค้า
เจ-เทค ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของการบริหารทุกขั้นตอน ด้วยความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนการออกแบบและครอบคลุมการติดตั้งตามความต้องการ เพื่อรองรับทุกแผนการผลิตในอนาคต ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยให้สามารถสร้างสมดุลที่ลงตัวระหว่างความปลอดภัย ต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในกระบวนการผลิต
อุตสาหกรรมการผลิตอาหารของประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ เจ-เทค ยืนหยัดในการเป็นผู้นำ ด้วยนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการร่วมมือกับ local Thai suppliers and producers ซึ่งเป็นหลักการที่ เจ-เทค ยึดถือเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในภูมิภาค โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ระบบอัตโนมัติและการปรับแต่งกระบวนการผลิตที่ช่วยรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ การวางแผนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคตยังช่วยให้ เจ-เทค ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตอาหารที่ปลอดภัย พร้อมนำนวัตกรรมมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน