
ในยุคที่ “กระดาษทิชชู” กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือสถานประกอบการต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดน้ำและรักษาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การใช้กระดาษทิชชูแบบม้วนก็เป็นอีกปัจจัยที่ก่อให้เกิดขยะจำนวนมาก โดยข้อมูลระบุว่า ขยะกระดาษคิดเป็น 19% ของขยะทั้งหมดในประเทศไทย การพัฒนากระดาษทิชชูที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติ พร้อมตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน
เพื่อเป็นผู้นำในแนวทางดังกล่าว คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย ผู้นำนวัตกรรมด้านสุขอนามัยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม จึงร่วมตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืนด้วยการเปิดตัว สัญลักษณ์ Carbon Footprint of Product แบบ Circular Economy (CE CFP) ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในกลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษทิชชูในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) เป็นเครื่องหมายรับรองความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ช่วยลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้กรอบของงานสัมมนา “Green Life Cycle: Insight Better Care for A Better World”

ปิยะพร ปฏิมาวิรุจน์ Sales Leader คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Scott Twin Centerpull ซึ่งเป็นกระดาษทิชชูสำหรับใช้ในห้องน้ำที่ตอบโจทย์พื้นที่ที่มีการใช้งานสูง สามารถจ่ายกระดาษทีละแผ่น ช่วยลดการสิ้นเปลือง ดึงง่าย ใช้สะดวก ทั้งยังสามารถรีไซเคิลและย่อยสลายได้ง่ายในน้ำ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ WypAll ผ้าทำความสะอาดที่ผลิตจากวัสดุเรยอน (Rayon) ซึ่งได้จากเซลลูโลสของต้นไม้ สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โดยจากการทดลองฝังกลบเป็นระยะเวลา 24 สัปดาห์ พบว่าเริ่มแตกย่อยแล้ว และคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการย่อยสลายจนหมด อีกทั้งยังสามารถสัมผัสอาหารได้โดยตรง
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผ่านการรับรองมาตรฐาน FSC และได้รับสัญลักษณ์ Carbon Footprint of Product แบบ Circular Economy (CE CFP) ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำเสนอนวัตกรรม Twin Centerpull ซึ่งช่วยลดการใช้กระดาษอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกค้าใช้กระดาษได้น้อยลงแต่คุ้มค่ามากขึ้น แม้ว่าราคาจะไม่ได้ถูกที่สุดแต่สามารถช่วยลดต้นทุนโดยรวมได้ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัว Single Centerpull และกระจายสินค้าทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการยอมรับจากลูกค้าว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้จริง

ศสิพงศ์ บุญแต้ม Marketing Manager คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผ่านการรับรองมาตรฐาน 15 รายการ ครอบคลุมกลุ่มแบรนด์ Scott, Kimsoft และ WypAll โดยบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวที่ได้รับการรับรองดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในข้อดีของ CE CFP คือ กระดาษทิชชูของบริษัทฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 23.52 kg CO2e ต่อลัง และใช้เพียง 90 ลังต่อเดือน
“เราตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบันลดลงแล้วถึง 41% ทำให้มั่นใจว่าอีก 5 ปีต่อจากนี้เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ โดยเฉพาะใน Scope 1 และ 2 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มใช้ พลาสติกรีไซเคิล 30% ในบรรจุภัณฑ์ เช่น บรรจุภัณฑ์ของกระดาษทิชชูแบบม้วน ปัจจุบันมีการใช้พลาสติกรีไซเคิลไปแล้ว 50% และตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในอนาคต และบริษัทยังให้ความสำคัญกับ ป่าไม้และการใช้เยื่อกระดาษที่ผ่านมาตรฐาน FSC และ Green Label และตั้งเป้าลดการใช้น้ำลง 50% ภายในปี 2030 เนื่องจากกระบวนการผลิตของเราใช้น้ำในปริมาณที่สูง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีคุณภาพและคุ้มค่าตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน” ศสิพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดการเสวนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและภาคเอกชนในหัวข้อสำคัญ โดย ดร.กิตติศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงแนวทางการเตรียมตัวของภาคธุรกิจต่อ พ.ร.บ. Climate Change ว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่เพียงเป็นข้อบังคับทางกฎหมายแต่ยังเป็นโอกาสให้ธุรกิจพัฒนาและแข่งขันได้ในยุคที่ตลาดให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งยังมีการบรรยายเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐาน G-Green โดย เพชรดา อ้อชัยภูมิ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการผลิตและการบริโภคยั่งยืน กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green (ไม่ว่าจะเป็น Green Hotel, Green Restaurant, Green Office) ในการสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ
ขณะที่ ดร.ถนอมลาภ รัชวัตร์ นักวิจัยอาวุโส กล่าวถึงบทบาทของ Thai Green Label ในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญลักษณ์ Thai Green Label ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอกรณีศึกษาแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืนจากกลุ่มลูกค้าอย่าง ร้านอาหารโอ้กะจู๋ และ เครือเซ็นทรัล เรสเตอรองส์ ซึ่งนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในธุรกิจ โดยลดการใช้พลาสติก และนำของเสียกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นและเดินหน้าสานต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายที่จะได้รับการรับรองตราสัญลักษณ์ Carbon Reduction of Product ในลำดับต่อไป ตามคำมั่นสัญญาของเรา “Better Care for A Better World” ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่รับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่โลกที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน