
SX TALK SERIES เวทีเสวนาที่มากกว่าการแลกเปลี่ยนความรู้ ครั้งที่ 5 หัวข้อ “แยกอย่างไร ดีต่อใจ ดีต่อโลก” ร่วมพูดคุยถึงปัญหาขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พร้อมหาแนวทางการร่วมมือแก้ไขโดยผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ พรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย สินชัย เทียนศิริ PEFC Paper & Packaging Market Engagement Consultant (Thailand) และ กวีนา ศรีวิโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญ 2 สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ TIPMSE

พรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร ร่วมเสวนาในหัวข้อ ภาพรวมขยะของกทม. โดยปริมาณขยะในกรุงเทพฯ ในปี 2566 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8,775 ตันต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นเศษอาหาร ขยะพลาสติก กระดาษ แก้ว โลหะ และอื่น ๆ รองลงมาตามลำดับ เมื่อขยะเหล่านี้ถูกเทรวมกัน ทำให้เกิดการปนเปื้อน และเมื่อปนกับขยะอาหารแล้วยิ่งทำให้จัดการได้ยากยิ่งขึ้น กทม. จึงได้จัดทำนโยบายแยกขยะเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ขยะเศษอาหาร และ ขยะทั่วไป เพื่อแยกขยะเปียกออกจากขยะแห้ง เพื่อให้สามารถจัดการได้ง่ายกขึ้น ซึ่งกรุงเทพฯ ได้เดินหน้านโยบายนี้ตั้งแต่ระดับครัวเรือน ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยให้แยกขยะตั้งแต่ต้นทางและจัดการอย่างถูกวิธี เช่น ขยะเศษอาหาร สามารถนำไปทำปุ๋ยหรือส่งต่อให้เกษตรกรไปทำเป็นอาหารสัตว์ โดยกรุงเทพฯ ได้เป็นตัวกลางระหว่างผู้ประกอบการและเครือข่ายเกษตรกรในการส่งต่อขยะอาหาร และปัจจุบันมีธุรกิจเข้าร่วมกว่า 3,761 แห่ง สามารถแยกขยะเศษอาหารได้ 277 ตันต่อวัน และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นเพื่อจัดการปัญหาขยะในกรุงเทพฯ

สินชัย เทียนศิริ PEFC Paper & Packaging Market Engagement Consultant (Thailand) ร่วมเสวนาในหัวข้อ แยกขยะอย่างไรให้เหมาะกับวิถีคนเมือง โดยกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมว่าเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และแม้ว่าจะมีโมเดลธุรกิจหรือเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการแยกขยะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างแนวความคิดและทัศนคติที่ดีในการตระหนักรู้ถึงปัญหาของการเกิดขยะ และการจัดการขยะด้วยตัวเองและทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน รวมถึงการสร้างจิตสำนึกสาธารณะที่จะร่วมสร้างสังคมแห่งความยั่งยืน (Sustainable Society) ด้วยการสร้างความรู้และความเข้าใจเรื่องการแยกขยะ และหลักคิดของ Circular Economy ที่สามารถเข้าถึงได้หลายหลากช่องทาง

และ กวีนา ศรีวิโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญ 2 สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ ปลายทางของขยะแต่ละประเภทและการจัดการอย่างถูกวิธี โดยกล่าวถึงขยะแต่ละประเภท ไม่ว่าจะขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไป และขยะอันตราย ล้วนมีวิธีการจัดการที่ต่างกัน เช่น ขยะอินทรีย์เป็นขยะที่ย่อยสลายได้ จำพวกเศษอาหาร กิ่งไม้ ใบไม้ สามารถนำไปทำปุ๋ยหรืออาหารสัตว์ ขยะรีไซเคิล ที่ทาง TIPMSE เรียกว่าเป็น บรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว ได้แก่ แก้ว กระดาษ พลาสติก กระป๋อง กล่องเครื่องดื่ม สามารถนำไปรีไซเคิลได้แต่พบปัญหาการจัดการและวิธีรวบรวม เช่น พลาสติก ที่ต้องใช้เวลาย่อยสลายนาน ยิ่งมีน้ำหนักเบาก็ยิ่งทำให้มูลค่าลดลงเมื่อเทียบกับกระป๋องอะลูมิเนียม ทั้งที่พลาสติกสามารถนำไปรีไซเคิลได้และใช้เวลาสั้นกว่านำไปฝังกลบเพื่อรอการย่อยสลาย และแก้ว บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับไปหลอมและใช้ใหม่ได้ รวมถึงบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ที่สามารถนำไปอัพไซเคิล (Upcycle) เพื่อเพิ่มมูลค่าได้ ทั้งหมดนี้ทุกคนสามารถร่วมกันจัดการได้ เพราะปลายทางของขยะจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน
อย่างไรก็ตาม การจัดการปัญหาขยะ เป็นเรื่องของทุกภาคส่วนที่ต้องร่วมมือแก้ไข ตั้งแต่การสร้างความรู้และความเข้าใจ ให้เกิดเป็นทัศนคติและความคิดที่ดีในการแยกขยะเพื่อส่วนรวม เพื่อการนำไปสู่การลดขยะตกค้าง และเพื่อให้สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยมีความยั่งยืน

SX TALK SERIES เวทีเสวนาที่มากกว่าการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยกำหนดจัดกิจกรรมในทุกวันเสาร์สุดท้ายของเดือน เตรียมพบกับ SX TALK SERIES ครั้งที่ 6 ได้ในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ที่ C asean SAMYAN CO-OP ชั้น 2 สามย่านมิตรทาวน์ ไม่พลาดทุกข่าวสารและกิจกรรมดี ๆ ด้านความยั่งยืน ติดตามได้ที่ https://www.sustainabilityexpo.com/sx/ , Facebook: https://www.facebook.com/SX.SustainabilityExpo และแอปพลิเคชัน SX
ที่มา: www.thaibev.com/news