Article
สุมาลี ทั่งพิทยกุล
ก่อนที่ผู้เขียนจะเล่าถึงการปรับกฎหมายและมาตรฐานของไทยให้ทันสมัยขึ้น จำเป็นที่ท่านต้องเข้าใจการกำกับดูแลภาชนะบรรจุหรือวัสดุสัมผัสอาหาร จำเป็นที่ท่านต้องรู้จักหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบความมีคุณภาพและความปลอดภัยก่อน ซึ่งมี 2 หน่วยงาน ได้แก่
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข มีภารกิจเกี่ยวกับการปกป้องและคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ ซึ่งล้วนถือเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยผลิตภัณฑ์สุขภาพเหล่านั้นต้องมีคุณภาพและปลอดภัย มีการส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้องด้วยข้อมูลทางวิชาการที่มีหลักฐานเชื่อถือได้และมีความเหมาะสม เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัยและสมประโยชน์ ด้วยภารกิจดังกล่าว กองอาหารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ต้องมีระบบการตรวจสอบว่าภาชนะบรรจุอาหารที่นำมาใช้ทำภาชนะบรรจุหรือวัสดุสัมผัสอาหาร ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่าภาชนะบรรจุ ต้องมีความปลอดภัยและเมื่อนำมาบรรจุอาหาร ทำให้ผู้บริโภคอาหารได้บริโภคอาหารที่มีความปลอดภัย
- สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม มีหน้าที่หลักดังนี้
2.1 ส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐานของประเทศให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
2.2 กำหนดมาตรฐานที่ตรงความต้องการและสอดคล้องกับแนวทางสากล
2.3 สร้างความเชื่อมั่นในการตรวจสอบรับรอง และกำกับดูแลผลิตภัณฑ์และบริการ
ระบบการให้การรับรองมาตรฐานของ สมอ. มี 2 แบบคือ
- มาตรฐานสมัครใจ เมื่อผู้ประกอบการมาขอมาตรฐานและภาชนะบรรจุมีคุณลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานจะสามารถใช้สัญลักษณ์สีน้ำเงินบนภาชนะ
- มาตรฐานบังคับ เมื่อผู้ประกอบการมาขอมาตรฐานและภาชนะบรรจุมีคุณลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานจะสามารถใช้สัญลักษณ์สีแดง บนภาชนะ ซึ่งมาตรฐานบังคับเป็นมาตรฐานที่ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นกฎหมาย
ความแตกต่างของมาตรฐานและคุณภาพของมาตรฐานภาชนะบรรจุของ อย. กับ สมอ.
- คุณภาพของภาชนะของ อย. ต้องมีความปลอดภัยและเมื่อนำมาใส่อาหาร อาหารนั้นต้องมีความปลอดภัย
- คุณภาพและมาตรฐานของภาชนะของ สมอ. นอกจากจะมีความปลอดภัย ต้องมีมาตรฐานทางกายภาพตามที่กำหนดด้วย เช่น ทนแรงกระแทก ทนแรงดัน
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตั้งแต่กำหนดมาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2522 มีมาตรฐานบังคับเพียง 2 มาตรฐาน คือ
- มอก.1136-2535 ฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร เนื่องจากในการทำให้ฟิล์มพลาสติกมีความยืดหยุ่นจำเป็นต้องใส่สารเจือปนประเภทพลาสติไซเซอร์ และสารพลาสติไซเซอร์กลุ่มพทาเลตเป็นสารเคมีที่ใช้มากในผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยใช้เป็น Plasticzers คือสารที่ทําให้เกิดความอ่อนตัวในเนื้อพลาสติก ดังนั้น ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่มีความยืดหยุ่นหรืออ่อนตัวได้ มักจะมีสารพทาเลตผสมอยู่ในเนื้อพลาสติกประมาณ 40% โดยน้ำหนัก สารพทาเลตมีหลายชนิด และชนิดที่มีการใช้ใน ปัจจุบันคือ DEHP หรือ Di (2-ethylhexyl) Phthalate ใช้ผสมในพลาสติกพีวีซี เพื่อทําให้เนื้อพลาสติกอ่อนตัวหรือนุ่มขึ้น ได้แก่ ถุงหรือห่อพลาสติก และฟิล์มยืดห่อสําหรับอาหาร ของเล่น เครื่องมือแพทย์ รวมถึงวัสดุในงานก่อสร้าง แต่อันตรายของพทาเลตชนิดนี้เป็นสารก่อมะเร็งจึงไม่อนุญาตให้ใส่ในฟิล์มยืด
- มอก.2440-2552 เครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิม ภาชนะหุงต้มที่มีรอยประสาน ทั้งนี้หม้อหุงต้มดังกล่าวมีการนำมาใช้ลวกก๋วยเตี๋ยว ซึ่งน้ำซุปในหม้อต้มดังกล่าวเดือดเป็นระยะเวลานานจึงจำเป็นต้องควบคุมปริมาณโลหะ ได้แก่ ตะกั่ว ดีบุก แคดเมียม และโครเมี่ยม เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
นอกจากนั้น สมอ.ได้ตระหนักถึงคุณภาพและความปลอดภัยของภาชนะบรรจุอาหาร จึงได้มีแผนให้ภาชนะบรรจุอาหารที่ทำจากพลาสติกที่มีอยู่ประมาณ 20 มาตรฐานซึ่งเป็นมาตรฐานสมัครใจเป็นมาตรฐานบังคับ 9 มาตรฐานตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2523 ได้แก่
- มอก. 655 เล่ม 1 (2553) : ภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสําหรับอาหารประเภทพอลิเอทิลีน พอลิพรอพิลีน พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต พอลิไวนิล แอลกอฮอล์ และพอลิเมทิลเพนทีน
- มอก. 655 เล่ม 2 (2554) : ภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสําหรับอาหารประเภทพอลิไวนิลคลอไรด์ พอลิคาร์บอเนต พอลิเอไมด์ และพอลิเมทิลเมทาคริเลต
- มอก. 655 เล่ม 3 (2554) : ภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสําหรับอาหารประเภท อะคริ -โลไนไทรล์ – บิวทะไดอีน – สไตรีน และสไตรีน – อะคริโลไนไทรล์
- มอก. 2493 เล่ม 1-2554 ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับเตาไมโครเวฟ เล่ม 1 สำหรับการอุ่น ได้แก่ พลาสติกประเภทพอลิพรอพิลีน พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต พอลิเมทิลเพนทีน และพอลิเมทิลเมทาคริเลต
บทความของวารสารบรรจุภัณฑ์ไทยไม่ได้มีเพียงเท่านี้ พวกเรายังมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้ติดตามในเล่มอีกเพียบ อ่านต่อกันได้ที่ >> E-BOOK #163