วันที่ 21 ม.ค. 2568 ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสิริกร ชิวปรีชา ประธาน บริษัทเทพไทย โปรดัคท์ จำกัด ร่วมลงนามถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสู่เชิงพาณิชย์ สกินแคร์ “ADORNS” นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนาโนสำหรับสุขภาพผิวผู้ชาย ที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีทรานส์เอทโธโซมจากสารสกัดมะม่วงหาวมะนาวโห่ ซึ่ง ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ศนส.) วว. วิจัยและพัฒนาสำเร็จ โดยมีประสิทธิภาพช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชะลอวัย และต้านมลภาวะ โอกาสนี้ ดร.พงศธร ประภักรางกูล รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. ดร.กฤติยา ทิสยากร ผอ.ศนส. และผู้แทนบริษัทเทพไทยฯ ได้แก่ กร สุริยพันธุ์ และนางสาวลลิสรณ์ อัคราศีพงศ์ ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมีระยะเวลาการถ่ายทอดฯ 5 ปี ในการนี้ คณะผู้บริหารจาก สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ ดร.ธนันธน์ อภิวันทนาพร ผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศและการตลาด และสุทธิวรรณ อมาตยกุล ผอ.ฝ่ายเพิ่มมูลค่าผลผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ SMEs ดร.โสภาพรรณ สัญญาณเสนาะ ผอ.สำนักจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม วว. ดร.สิทธิพงศ์ สรเดช นักวิจัย ศนส. และหัวหน้าโครงการวิจัย พร้อมด้วยคณะนักวิจัย บุคลากรทั้งสองหน่วยงาน ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีด้วย ณ วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้ชายหันมาใส่ใจดูแลตัวเองรวมไปถึงการดูแลผิวหน้าเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและความงามของผู้ชาย มีความคึกคัก และมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลจาก Grand View Research บริษัทวิจัยด้านการตลาดในสหรัฐอเมริการะบุว่า ภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้ชาย (Men’s Grooming) ทั่วโลก มีมูลค่าราว 45.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.49 ล้านล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในอีก 6 ปีข้างหน้า ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายสำหรับผู้ชายจะมีมูลค่าสูงถึง 75.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.49 ล้านล้านบาท ในปี 2027 ดังนั้น ตลาด Men’s Grooming นับเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งความร่วมมือกับบริษัทเทพไทยฯ ครั้งนี้ จะเป็นหนึ่งมิติสำคัญในการขับเคลื่อนผลงานวิจัยที่เพิ่มมูลค่าด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สู่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม”
ทั้งนี้ มะม่วงหาวมะนาวโห่ เป็นพืชที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย ภูมิปัญญาชาวบ้านมีการนํารากมาใช้เป็นยาขับพยาธิ เปลือกและลําต้นนํามาใช้บรรเทาอาการทางผิวหนัง เนื้อไม้บํารุงกําลัง ลดอาการอ่อนเพลีย ใบใช้บรรเทาอาการท้องเสีย น้ำคั้นจากผลนํามาใช้ล้างแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อและบรรเทาอาการคันที่ผิวหนัง โดยมีสารสำคัญคือ กรดมาลิก (Malic acid) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และจัดเป็นสารในกลุ่ม Alpha hydroxy acids (AHA) ซึ่งมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและปรับสภาพผิวทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์สมานแผล ลดการอักเสบของแผลเรื้อรัง ต้านเชื้อแบคทีเรีย และสามารถยับยั้งเอนไซม์ที่เป็นตัวการในการสลายคอลลาเจนและเอนไซม์ไฮยารูรอนิเดสที่เกี่ยวข้องกับการสลายตัวของไฮยารูรอนในชั้นผิวหนังได้
จากคุณประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร วว. จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับสุขภาพผิวผู้ชายภายใต้แบรนด์ “ADORNS” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยเพิ่มจำนวนของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ เพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิวหนังได้ใกล้เคียงวิตามินซี และจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้อยู่ภายใต้ระบบกักเก็บที่มีขนาดอนุภาคของถุงที่ห่อหุ้มน้อยกว่า 300 นาโนเมตร (nm) ทำให้มีประสิทธิภาพในการช่วยให้เพิ่มการซึมผ่านกรดมาลิกเข้าสู่ผิวหนังชั้นในได้สูงกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับสารสกัดที่ไม่ได้กักเก็บในอนุภาคทรานส์เอทโธโซม ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนาโนสูตรสำหรับผู้ชาย ได้ถูกพัฒนาขึ้นจำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ดังนี้
1) Daily Defense Day Cream SPF 50 PA+++ บำรุงพร้อมปกป้องผิวจากรังสียูวีและละอองฝุ่น PM 2.5
2) Intense Skin Booster Serum เซรั่มบำรุงผิวเข้มข้น ให้ผิวแลดูขาวสว่าง กระจ่างใส ลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขน
3) Deep Recovery Night Cream ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดด มลภาวะ ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ
โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านการทดสอบในอาสาสมัครจำนวน 20 คน เป็นระยะเวลา 28 วัน พบว่า มีประสิทธิภาพช่วยชะลอวัย ลดความขรุขระของผิวหน้าและลดร่องลึกของริ้วรอย รวมถึงลดเม็ดสีเมลานินซึ่งเป็นสาเหตุของความผิวหมองคล้ำ ฝ้า และกระ ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับยาหลอก โดยไม่ก่อให้เกิดการก่อการระคายเคือง (Non-irritation) ต่อผิวหนังของอาสาสมัคร และได้ดำเนินการยื่นจดอนุสิทธิบัตร และพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนาโนสำหรับสุขภาพผิวผู้ชายสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตสมุนไพรสู่ระดับมาตรฐานสากล
การได้มีโอกาสทำงานร่วมกันในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเสริมสร้างศักยภาพทั้งงานวิจัยและบุคลากร ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างผลกระทบที่ดีต่อการทำงานด้านสมุนไพร เครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมชีวภาพ ของประเทศไทยของเราเป็นอย่างมาก เชื่อมั่นว่าความตั้งใจของเราทั้งสามหน่วยงานจะประสบความสำเร็จในเร็ววัน เพราะงานวิจัยที่ดี คือ อนาคตของผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ตลาดโลก
สิริกร ชิวปรีชา ประธาน บริษัทเทพไทย โปรดัคท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งเป็นผู้นำทางด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยระดับประเทศและยกระดับผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานสากล ภายใต้หลักและแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการอุตสาหกรรม โดยมีพันธกิจ “หัวใจแห่งความสำเร็จ คือ ความพึงพอใจของลูกค้า” มีกรอบการดำเนินงานของบริษัทฯ ดังนี้ 1) ยกระดับ พัฒนา และใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิต ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า 2) พัฒนาระบบบริหารการจัดการ การพัฒนาบุคลากรและองค์กร เพื่อมุ่งไปสู่องค์กรคุณภาพและองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน 3) ศึกษา วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ 4) จัดหา ตรวจ วิเคราะห์ วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สามารถตอบสนองต่อกำลังการผลิตได้อย่างสม่ำเสมอในราคาที่เป็นธรรม และ 5) เป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น สังคม และประเทศ โดยความร่วมมือกับ วว. ในครั้งนี้เชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศผ่านการเพิ่มมูลค่าสมุนไพรของไทย
“การดำเนินงานภายใต้การรับถ่ายทอดเทคโนโลยีครั้งนี้ ประมาณกลางปี 2568 เราจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เพลิน นอกจากนี้ทางเทพไทยยังสนใจผลงานวิจัยอื่นๆของ วว. ที่จะนำมาช่วยต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย โดยการวิจัยพัฒนาของนักวิจัยไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์จะไปอยู่บนเคาน์เตอร์แบรนด์ระดับโลกต่อไป”
สุทธิวรรณ อมาตยกุล ผอ.ฝ่ายเพิ่มมูลค่าผลผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ SMEs, ISMED กล่าวเพิ่มเติมว่า ISMED จะใช้จุดเด่นของผลงานวิจัยสนับสนุน บริษัท เทพไทยโปรดัคท์ จำกัด ให้มีความสามารถในการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ส่งออก เพื่อเป็น Product of Thailand ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของ ISMED ในการพัฒนาธุรกิจ SMEs ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล องค์ความรู้ การประสานเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ผู้สนับสนุนต่างๆ และการเชื่อมโยงในระดับสากล พร้อมทั้งการนำเทคโนโลยีและนวัตภรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม สร้างการเจริญเติบโตใหม่ (New Growth) ให้แก่ SMEs จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน
