
Double A (ดั๊บเบิ้ล เอ) ได้รับฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint Reduction : CFR) ในผลิตภัณฑ์เยื่อและกระดาษภายใต้แบรนด์ดั๊บเบิ้ล เอและแบรนด์ในเครือ รวม 15 รายการ เดินหน้าสู่ Net Zero ภายในปี 2050 อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมขยายให้ได้การรับรองผลิตภัณฑ์ลดโลกร้อนให้ครอบคลุมทุกรายการ เพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิตอย่างต่อเนื่องทุกมิติ ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานคาร์บอนต่ำให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและใส่ใจสังคมอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG
ชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลกแล้ว ดั๊บเบิ้ล เอ ยังให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วยกัน โดยเฉพาะการดำเนินงานเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกไปสู่เป้าหมาย Net Zero ส่งผลให้ดั๊บเบิ้ล เอ ได้รับฉลากลดโลกร้อน สำหรับผลิตภัณฑ์เยื่อและกระดาษทั้ง 15 รายการ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดยผ่านการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การขนส่ง กระบวนการผลิต การใช้งาน และการจัดการซากผลิตภัณฑ์หลังใช้ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่า ตลอดกระบวนการผลิต ดั๊บเบิ้ล เอ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปีฐาน (ปี 2021)
โดยโรดแมปสู่การบรรลุเป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2050 ถือเป็นความมุ่งมั่นดำเนินงานตามกลยุทธ์ทางด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นโครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การบริหารทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การใช้พลังงานสะอาด ตลอดจนการบูรณาการในทุกกิจกรรมของบริษัทฯ ส่งผลให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกประจำปี 2023 ของกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ (Carbon Footprint for Organization : CFO) มีตัวเลขลดลงถึง 48% ตามมาตรฐาน ISO 14064-1 และตามมาตรฐานของ อบก. ซึ่งบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าและเร็วกว่าแผนระยะสั้นที่วางไว้ว่าจะลดลง 25% ในปี 2030
ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG และมีโมเดลธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานคาร์บอนต่ำตั้งแต่แรกเริ่ม ตอกย้ำการเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับพรีเมียม ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน
ที่มา: www.doubleapaper.com