
อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของไทยเตรียมก้าวสู่เวทีระดับโลกกับงาน interpack 2026 งานแสดงสินค้าด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7–13 พฤษภาคม 2569 ณ เมือง ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี โดยมีผู้แสดงสินค้ากว่า 2,800 รายจากกว่า 60 ประเทศ เข้าร่วมนับเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยในการเชื่อมโยงเทคโนโลยี นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตรระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไทยสู่มาตรฐานโลก
สำหรับการจัดงาน interpack 2026 Presentation ในประเทศไทยเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Messe Düsseldorf และ สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย เพื่ออัปเดตแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมแก่ผู้ประกอบการไทย โดยมี โธมัส โดห์เซ (Thomas Dohse) ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการระดับโลกของ interpack และ วิวัฒน์ อุตสาหจิต นายกสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย เข้าร่วมถ่ายทอดมุมมองและทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต

โธมัส โดห์เซ (Thomas Dohse) ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการระดับโลก interpackกล่าวว่า “interpack 2026 จะเป็นเวทีที่ผู้นำและนักนวัตกรรมจากทั่วโลกมาร่วมกันแก้ไขความท้าทายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความยั่งยืน ประสิทธิภาพ และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล สำหรับผู้ประกอบการไทย นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรระดับโลก และรับข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ”
ภายในงาน interpack 2026 จะนำเสนอเมกะเทรนด์ที่กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมทั่วโลก ตั้งแต่ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven automation) วัสดุยั่งยืน (sustainable materials) ห่วงโซ่มูลค่าแบบหมุนเวียน (circular value chains) ไปจนถึงทักษะแรงงานแห่งอนาคต (future workforce skills) ครอบคลุม 8 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ เบเกอรี่ เครื่องดื่ม ขนมหวาน เครื่องสำอาง อาหาร สินค้าอุตสาหกรรม ยา และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร

วิวัฒน์ อุตสาหจิต นายกสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของไทยได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ด้วยความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และความร่วมมือ ประเทศไทยได้รับการยอมรับในฐานะศูนย์กลางที่ให้บริการแก่ทั้งแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแบรนด์ระดับโลกที่มองหาคุณภาพ ความรวดเร็ว และความยั่งยืน และงานนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะกำหนดทิศทางเทคโนโลยี ขับเคลื่อนพันธสัญญาด้านความยั่งยืน และสร้างความร่วมมือเพื่ออนาคตในทศวรรษหน้า”
พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ผลิตและผู้แปลงบรรจุภัณฑ์ของไทยกำลังเร่งลงทุนในโซลูชันที่รีไซเคิลได้และย่อยสลายได้ทางชีวภาพ การออกแบบเพื่อลดน้ำหนักวัสดุ การใช้ระบบอัตโนมัติ และการตรวจสอบคุณภาพด้วย AI เพื่อสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาแบบหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ทั้งนี้ มูลค่าตลาดบรรจุภัณฑ์ของประเทศไทยในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 15.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตถึง 19.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 4.5% ขณะที่กลุ่มบรรจุภัณฑ์กระดาษเติบโตเฉลี่ยเกือบ 6% ต่อปี จากแรงขับเคลื่อนของอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจอาหาร และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2567 ประเทศไทยผลิตบรรจุภัณฑ์กว่า 67,000 ล้านชิ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 74,000 ล้านชิ้นในปี 2572
การจัดงานครั้งนี้ยังต่อยอดจากความสำเร็จของ PACK PRINT INTERNATIONAL และ CorruTec Asia 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Messe Düsseldorf Asia สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย และสมาคมการพิมพ์ไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้แสดงสินค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ สะท้อนถึงการบูรณาการของประเทศไทยในห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกด้านการพิมพ์ บรรจุภัณฑ์ และการแปรรูป “งานอย่าง PACK PRINT INTERNATIONAL และ CorruTec Asia แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่เวทีโลก”

งาน interpack 2026 คือโอกาสครั้งต่อไปของเรา เพื่อเรียนรู้ ร่วมมือ และนำเสนอศักยภาพของไทยสู่สายตาโลก” ภายในพื้นที่จัดแสดงกว่า 18 ฮอลล์ ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสเทคโนโลยีด้านการผลิตและบรรจุภัณฑ์ที่ครบวงจรที่สุดในโลก ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องจักรอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงภาคเภสัชภัณฑ์ เครื่องสำอาง และบรรจุภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยมี “ความยั่งยืน” และ “ดิจิทัลไลเซชัน” เป็นธีมหลักของงาน ผู้แสดงสินค้าชั้นนำที่ยืนยันเข้าร่วมแล้ว ได้แก่ Krones, MULTIVAC, Syntegon Technology, IMA Industria Macchine, Marchesini Group, Ishida, ULMA Packaging และ Gerhard Schubert สำหรับผู้ประกอบการไทย เป็นประตูสำคัญสู่ความร่วมมือระดับโลก และเป็นแหล่งเรียนรู้แนวโน้มล่าสุดที่จะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขัน ความยั่งยืน ตลอดจนความพร้อมด้านการส่งออกของอุตสาหกรรมไทย โดยสามารถติดตามข้อมูลผู้แสดงสินค้าและบัตรเข้าชมงานได้ที่เว็บไซต์ทางการ www.interpack.com พร้อมบริการจองที่พัก เครื่องมือวางแผนการเข้าชม เช่น MyOrganizer และ interpack App






