บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ เปิดตัวคลังสินค้าเย็น (Cold Store) แห่งใหม่ของบริษัทฯ ในประเทศกานา โดยมีความจุถึง 8,000 ตัน ตั้งอยู่ใกล้กับโรงงาน Pioneer Food Cannery (PFC) ของบริษัทฯ ใช้เม็ดเงินลงทุน ราว 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคลังสินค้านี้สามารถบริหารจัดการควบคุมอุณหภูมิสินค้าและรักษาคุณภาพปลาทูน่าจากมหาสมุทรแอตแลนติกให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานของโรงงาน ตลอดจนสามารถบริหารจัดการสินค้าได้เพียงพอต่อการผลิตของโรงงานได้ต่อเนื่องทั้งปี เพื่อเสริมศักยภาพให้ธุรกิจของไทยยูเนี่ยนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
โดยในพิธีการเปิดโรงงานไทยยูเนี่ยนได้รับเกียรติจาก อับดุล-อาซิซ มูซาห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซามูเอล เอ็น. เค. ควอร์เตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมง อาชาย โอดัมเพน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเทมาอีสต์ และ จอห์นนี่ ลาดูเซ ผู้อำนวยการโรงงาน PFC เข้าร่วมเปิดงานพร้อมแสดงความยินดี
ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันโรงงาน PFC มีบทบาทในฐานะผู้ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ของไทยยูเนี่ยนทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยการลงทุนครั้งนี้จะช่วยรักษาความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทาน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการลงทุนด้านความยั่งยืนเพิ่มเติมในโรงงาน PFC เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ยั่งยืน SeaChange® 2030 เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การปรับปรุงระบบภายในโรงงานเพื่อลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ ลดการปล่อยน้ำทิ้งเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์
ด้าน จอห์นนี่ ลาดูเซ ผู้อำนวยการโรงงาน PFC กล่าวว่า คลังสินค้าเย็นแห่งใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานอย่างยั่งยืน เพราะด้วยที่ตั้งของคลังที่อยู่ใกล้กับโรงงานจึงช่วยลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน การมีคลังสินค้าเย็นขนาดใหญ่เพียงพอยังทำให้เรามั่นใจได้ว่าจะมีปลาทูน่าเพียงพอกับความต้องการของคู่ค้าและผู้บริโภคตลอดทั้งปี นอกจากนี้ เรายังคงเดินหน้าตามพันธกิจที่ให้ไว้กับประเทศกานา คือ การดูแลชุมชนผ่านการสร้างงานในพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดขึ้นในเมืองเทมาอีกด้วย
คลังสินค้าเย็นแห่งใหม่มีขนาด 4 ห้อง มีพื้นที่คัดแยกและสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยจะช่วยรองรับการเติบโตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยให้ไทยยูเนี่ยนและ PFC สามารถบริหารจัดการกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับปริมาณและความต้องการสินค้าได้ตลอดทั้งปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งเดิมโรงงาน PFC ใช้การเช่าคลังสินค้าเย็นที่กระจายอยู่ทั่วเมือง การสร้างคลังสินค้าเย็นใหม่เป็นของตัวเองที่อยู่ใกล้กับโรงงานจะเป็นการลดต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ ลดจำนวนเที่ยวการวิ่งของรถบรรทุกขนส่งสินค้าและวัตถุดิบ สามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากทุกอย่างผ่านกระบวนการภายในบริษัทตั้งแต่การเก็บรักษาจนถึงการจัดส่ง นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ PFC ให้ดียิ่งขึ้น
ปัจจุบันโรงงาน PFC เป็นผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลกของกลุ่ม เช่น แบรนด์ John West ที่เป็นอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์, แบรนด์ Petit Navire อันดับ 1 ในฝรั่งเศส, MareBlu อันดับ 2 ในอิตาลี นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่เป็นตราสินค้าเฉพาะ (Private Label) ทั่วทั้งยุโรป รวมถึง ผลิตสินค้าแบรนด์ Starkist ซึ่งเป็นแบรนด์ของ PFC และยังเป็นแบรนด์ผู้นำตลาดปลาทูน่ากระป๋องในประเทศกานา โดยโรงงาน PFC เปิดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2516 และไทยยูเนี่ยนได้เข้าซื้อธุรกิจในปี 2553 โดยตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา และมีพนักงานราว 1,100 คน นับเป็นโรงงานที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไทยยูเนี่ยน
ที่มา: www.thaiunion.com
