
ในโลกอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยพัฒนาก้าวไกลด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลโดย Artificial Intelligence: AI เป็นเครื่องมือการจัดการและอำนวยความสะดวกทำให้ระบบการซัพพลายเชน การขนส่งทุกทางสะดวกและง่ายขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องขับเคลื่อนการค้าและเพิ่มมูลค่าให้แก่เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกของไทยให้แข็งแกร่งพร้อมรับมือกับความท้าทายจากในและนอกประเทศในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างยั่งยืน
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DIPT) ร่วมกับ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ (RX Tradex) จัดงานแถลงข่าว TILOG – LOGISTIX 2025 งานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้าและโหลดสินค้า การบรรจุและลำเลียงสินค้า โลจิสติกส์ไอที IoT หุ่นยนต์ AI อี-โลจิสติกส์ และการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ครบวงจรที่สุดแห่งปี ระหว่างวันที่ 20 – 22 สิงหาคม 2568 ณ ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยจัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “Resilient Supply Chain: Overcoming Global Challenges” หรือ “พิชิตทุกสิ่งท้าทายด้วยความแข็งแกร่งแห่งซัพพรายเชน” เพื่อตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกของไทยให้แกร่งพร้อมรับมือความท้าทายจากทั้งในและนอกประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยดึงผู้ประกอบการกว่า 150 บริษัท นำเสนอสินค้าและบริการกว่า 415 แบรนด์ จาก 25 ประเทศ เข้าจัดแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีและบริการด้านโลจิสติกส์ พร้อมกิจกรรมเสริมองค์ความรู้ สัมมนาวิชาการ คาดผู้เข้าชมงาน จำนวน 7,500 ราย

สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบัน หากมองในภาพรวมจะเห็นว่าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ในปี 2024 ที่ผ่านมา ตลาดโลจิสติกส์ของไทยมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 3.97 ต่อปี และในอนาคตคาดว่าจะมีการเติบโต 3.98 เปอร์เซ็นต์ เติบโตเป็นธุรกิจที่ใหญ่และมั่นคงในอนาคต โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญในการจัดงานเกี่ยวกับโลจิสติกส์และมีการจัดงานต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 8
โลจิสติกส์ได้รับแรงผลักดันจากเทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้า การโหลดสินค้า การบรรจุและลำเลียงสินค้า โลจิสติกส์ไอที IoT หุ่นยนต์ AI อี-โลจิสติกส์ และการให้บริการด้านโลจิสติกส์กลายเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตไปได้อีก ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งทางบก ทางราง ทางอากาศ
การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้น โดยเฉพาะแพลตฟอร์มดิจิทัลทำให้ธุรกิจขยายตัวได้ดีขึ้น โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์มีลูกค้าจำนวน 36,000 กว่าราย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้มีผู้ประกอบการมากขึ้นและมีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
การทำธุรกิจมีความท้าทาย ภาครัฐและภาคเอกชนต้องมีการปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล และต้องผสานความร่วมมือในการจัดการระบบโลจิสติกส์ให้เกิดความแข็งแกร่ง โดยนำระบบปฏิบัติการเทคโนโลยี Artificial Intelligence มาใช้ประโยชน์เพื่อก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอัจฉริยะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยให้มีความพร้อมในการเติบโต
ณัฐภูมิ เปาวรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น กล่าวว่า ความท้าทายจากเทรนด์ของโลก และเรื่องสังคมผู้สูงอายุ เรียกว่า Challenge โดยสามารถช่วยประโยชน์ระบบโลจิสติกส์ไทยได้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้ลดต้นทุนกระบวนการผลิตและการขนส่งรวมถึงระบบซอฟต์แวร์ได้อย่างอัจฉริยะ เกิดรถการขนส่งเที่ยวเปล่า โดยบริษัทยักษ์ใหญ่มีการช่วยเหลือบริษัทขนาดเล็กด้วยการทำ Ecosystem นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัล และ Artificial Intelligence นำไปใช้ประโยชน์ ต่างจากในอดีตที่ใช้แรงงานคนเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีการใช้รถผู้ประกอบการเพื่อจัดปริมาณการขนส่งสินค้าเพื่อให้เกิดการพัฒนาในโลกอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทย
คงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะผู้ส่งออกระบบโลจิสติกส์เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่อง Trade Operations ที่การ Challenge มองเป็นภาพใหญ่ โดยมี 4 ข้อ คือ
1.สภาวะ ต้นทุน ถึงแม้ว่าระบบเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนเกิดขึ้น ภาคการส่งออกต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ในโรงงาน โดยใช้ซอฟต์แวร์ Enterprise Resource Planning หรือการวางแผนทรัพยากรองค์กรในคู่ค้าหลักเพื่อที่จะทำให้ต้นทุนลดลงได้
2.สิ่งแวดล้อมความยั่งยืน การรัน Order รวมถึงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดกระบวนการโลจิสติกส์และ Carbon Footprint ที่ถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงรายละเอียดทั้งหมดของกิจกรรม และหน้าที่ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลักของธุรกิจหรือโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และขนส่ง
3.Digital Automation จำเป็นต้องแก้ไขกระบวนการทุกอย่างที่เป็นเอกสาร ในประเทศคู่ค้าหลักที่มีความสำคัญต่ออนาคต โดยเฉพาะเรื่อง Carbon Footprint ธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งหมดต้องเชื่อมต่อผ่านระบบดิจิทัล
4.การลดต้นทุน โดยเป็นเรื่องท้าทายในการสร้างมูลค่าการทำธุรกิจระบบโลจิสติกส์เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ให้ระบบโลจิสติกส์ไทย รวมถึงเรื่องของการลงทุนในระบบโลจิสติกส์ที่มองเป็นภาพใหญ่ในเชิงการค้าทั้งในประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาคอาเซียน
กรมพัฒนาการค้าพยายามที่จะช่วยซัพพอร์ตระบบโลจิสติกส์ในเชิงพาณิชย์ให้เกิดผลอย่างแท้จริง สามารถทำธุรกิจง่ายขึ้นด้วยการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร รวมถึงแรงงานที่อยู่ในภูมิภาคของระบบโลจิสติกส์แบบมืออาชีพ รวมถึงการสร้างความร่วมมือระดับประเทศ มีการเรียนรู้เพื่อให้เกิดทักษะแก่ผู้ประกอบการ ที่มีสำนักงาน 58 แห่งทั่วโลก ในการที่จะเชื่อมโยงนักธุรกิจ และเชื่อมโยงไปสู่ผู้ประกอบการต่างประเทศเพื่อเปิดโลกการค้าให้กว้างขึ้น เดินทางไปหาคู่ค้าใหม่ ๆ ตลาดการค้าใหม่ ๆ โดยมีเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยเสริมธุรกิจโลจิสติกส์ให้เกิดการเติบโต
หากเกิดวิกฤติให้แก้ไขสถานการณ์ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนำความรู้มาปรับใช้กับระบบโลจิสติกส์ โดยรัฐบาลควรส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนของระบบโลจิสติกส์ด้วยการใช้ประโยชน์ระบบซัพพลายเชน หากสามารถทำได้จริงก็จะเกิดผลดีต่อผู้ประกอบการ เป็นการรวมองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างธุรกิจและเสริมสร้างศักยภาพให้สามารถเกิดการแข่งขันในประเทศไทย
ขณะที่เรื่อง Smart Warehouse ที่มีสินค้าขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ควรมีระบบจัดเก็บสินค้าที่ดี มีคลังสินค้ารองรับเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อระบบโลจิสติกส์ โดยนำเทคโนโลยีขั้นสูงและระบบจัดการอัตโนมัติเข้ามาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการและดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาด และลดต้นทุนการดำเนินงานโดยรวม

งาน TILOG – LOGISTIX 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00-18.00 น. ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ผู้เข้าชมงานโปรดแต่งกายสุภาพ งดกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ และ นักเรียน/นักศึกษาเข้าชมได้เฉพาะวันที่ 22 สิงหาคม เท่านั้น ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าพร้อมลุ้นรับบัตรของขวัญเซ็นทรัลมูลค่า 200 บาทได้ที่ www.tilog-logistix.com หรือทาง LINE: @tilog-logistix