
จากตอนที่แล้วได้กล่าวถึง 4 ขั้นตอน เกี่ยวกับการใช้บรรจุภัณฑ์เป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์สำหรับธุรกิจ ในครั้งนี้จะมาพูดถึงขั้นตอนที่ 5 และ 6 ที่มีผลต่อกำไรของธุรกิจ และแนวทางการเติบโตในอนาคต ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันที่ต้องหาหนทางในการอยู่รอดในตลาดที่มีการแข่งขันสูงจากสินค้าบริการทั้งในและต่างประเทศ เมื่อผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น การแข่งขันที่สูงขึ้นนี้ ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องหาวิธีและเทคนิคใหม่ ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในมุมของการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการใช้เครื่องมืออื่น ๆ ในการสื่อสารทางการตลาด เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุดและคุ้มค่าที่สุด
ทบทวน 6 ขั้นตอนหลักในการสร้างแบรนด์ด้วยบรรจุภัณฑ์ ได้แก่
- กำหนดเอกลักษณ์ของแบรนด์: เราคือใคร?
- องค์ประกอบภาพของอัตลักษณ์แบรนด์: การสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์
- การสร้างเรื่องราวของแบรนด์: การปั้นเรื่องเล่าสำหรับแบรนด์
- ความสอดคล้องเป็นกุญแจสำคัญ: ย้ำให้ชัด ตรึงให้ตรง
- ข้อควรพิจารณาด้านงบประมาณ: ความจริงที่ต้องเผชิญ
- การทดสอบและการทำซ้ำเมื่อเรียนรู้จากลูกค้า: พัฒนาให้ดีขึ้น
สำหรับขั้นตอนที่ 5 เกี่ยวกับการปรับปรุงต้นทุน หากสามารถปรับแต่งให้ช่วยลดการไหลออกของเงินและลดการสูญเสียส่วนอื่น ๆ ได้
ขั้นตอนที่ 5: ข้อควรพิจารณาด้านงบประมาณ: ความจริงที่ต้องเผชิญ
การตั้งงบประมาณสำหรับบรรจุภัณฑ์ของคุณเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจต้นทุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมกับการรักษาคุณภาพและความคุ้มค่า นี่คือประเด็นหลักที่ควรพิจารณา และเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น ขอยกตัวอย่างสำหรับ Pukka บรรจุภัณฑ์ชาที่เราโปรดปราน
1. ความเข้าใจในต้นทุน: ระบุค่าใช้จ่ายในการออกแบบ วัสดุ การผลิต และการกระจายสินค้า จัดสรรงบประมาณอย่างชาญฉลาด เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ โดยไม่ใช้จ่ายเกิน
Pukka Tea ให้ความสำคัญกับการเข้าใจต้นทุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการออกแบบ วัสดุ การผลิต และการกระจายบรรจุภัณฑ์ของพวกเขา สิ่งนี้ช่วยให้การจัดสรรงบประมาณมีประสิทธิภาพโดยไม่ลดทอนความสามารถในการใช้งานและการมองเห็น

2. คุณภาพกับต้นทุน: หลีกเลี่ยงการลดทอนคุณภาพ บรรจุภัณฑ์มักเป็นปฏิสัมพันธ์แรกที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ของคุณ
บรรจุภัณฑ์ของ Pukka Tea ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนคุณค่าของแบรนด์และความมุ่งมั่นในคุณภาพ เนื่องจากคุณภาพของบรรจุภัณฑ์มีความสำคัญ เพราะเป็นปฏิสัมพันธ์แรกที่ลูกค้ามีกับแบรนด์ Pukka มุ่งเน้นการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่สดใสและน่าสนใจ ซึ่งโดดเด่นบนชั้นวาง ขณะเดียวกันก็ยังใช้งานได้
3. การแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรม: สำรวจวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือทางเลือกการซื้อแบบจำนวนมากที่สามารถลดต้นทุนได้ พร้อมเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์
Pukka ได้รับการยอมรับในด้านความมุ่งมั่นต่อนวัตกรรม โดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ของพวกเขาทำจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาความคุ้มค่าควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม พวกเขายังสำรวจนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น ถุงชาที่สามารถย่อยสลายได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์

4. การทดสอบและสร้างต้นแบบ: จัดสรรงบประมาณสำหรับต้นแบบเพื่อปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ก่อนการผลิตจำนวนมาก การทดสอบช่วยยืนยันตัวเลือกการออกแบบของคุณ
แม้ว่าข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการสร้างต้นแบบจะมีจำกัด Pukka ลงทุนทดสอบวิธีต่าง ๆ ในการบรรจุภัณฑ์ก่อนการผลิตขั้นสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจในคุณภาพและความพึงพอใจของลูกค้า

5. การป้อนข้อมูลย้อนกลับ: ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจด้านงบประมาณในอนาคต
การให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พวกเขาสืบค้นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ของตนอย่างจริงจัง ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจในอนาคตเป็นไปได้ดีขึ้น เพิ่มประสบการณ์ลูกค้าและประสิทธิภาพในการดำเนินงานทั้งสองด้าน

หลังจากที่พิจารณาเรื่องต้นทุนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทบทวนการทำงานของหลายกระบวนการที่ได้ดำเนินการมา ว่าทำได้ดีพอหรือควรมีการปรับปรุงอย่างไรให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับขั้นตอนที่ 6 จะเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุด เพราะหากขาดการนำมาปรับปรุง ก็เท่ากับว่างานที่เราทำมาไม่เคยถูกกรองหรือปรับปรุงแก้ไขเลย หากยังมีข้อบกพร่องก็อาจทำให้ลูกค้าที่เคยชื่นชอบลดลง สินค้าและธุรกิจของเราก็จะค่อย ๆ หายไปจากใจผู้บริโภค มาเริ่มพิจารณาขั้นตอนที่ต้องทำในขั้นตอนที่ 6 กัน
ขั้นตอนที่ 6: การทดสอบและการทำซ้ำ: ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านข้อคิดเห็นของลูกค้า
ขั้นตอนสุดท้ายนี้จะเป็นการสร้างกระบวนการทดสอบและทำซ้ำที่ช่วยให้การพัฒนาอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของข้อเสนอแนะจากลูกค้าของ Pukka Tea
1. การรวบรวมข้อคิดเห็น: หลังจากการเปิดตัวการติดตามความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ผ่านการสำรวจและสื่อสังคมออนไลน์ อาจรวมถึงการส่งแบบสอบถามทางอีเมลถึงลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยถามคำถามเฉพาะเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขากับบรรจุภัณฑ์ รสชาติ และความพึงพอใจโดยรวม นอกจากนี้ Pukka ยังมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านแพล็ตฟอร์มสื่อสังคม เช่น Instagram และ Facebook โดยกระตุ้นให้พวกเขาแบ่งปันความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแต่ละรายการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขา

2. การวิเคราะห์ผลลัพธ์: ค้นหาหัวข้อที่พบในข้อคิดเห็นเพื่อตรวจสอบว่ารูปแบบบรรจุภัณฑ์ใดที่ทำได้ดีและส่วนไหนที่ต้องปรับปรุง ตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจพบว่าลูกค้าหลายคนชื่นชมวัสดุที่ยั่งยืนที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ แต่รู้สึกว่ากลไกการเปิดอาจปรับปรุงให้ทันสมัยได้

3. การทำการเปลี่ยนแปลงซ้ำ ๆ: ใช้วิธีการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ของคุณตามข้อคิดเห็น หากข้อคิดเห็นบ่งบอกถึงปัญหาการใช้งานบรรจุภัณฑ์ พวกเขาอาจออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการเปิดหรือปิดได้อย่างสะดวก
4. การทดสอบรุ่นใหม่: ก่อนขยายการเปลี่ยนแปลง ให้ทำการทดสอบเพื่อดูว่ารูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ทำงานอย่างไรในตลาด อาจเกี่ยวข้องกับการปล่อยผลิตภัณฑ์กลุ่มเล็ก ๆ ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่อัปเดตให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ได้เลือกไว้ โดยสังเกตปฏิกิริยาของลูกค้าและประสิทธิภาพการขายในระหว่างขั้นตอนการทดสอบนี้

5. การปรับตัวแสนคล่องแคล่ว: ธุรกิจต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดและปรับกลยุทธ์บรรจุภัณฑ์ตามนั้น พวกเขายังคงเปิดรับข้อคิดเห็นและแนวโน้มตลาดอยู่เสมอ หากเกิดแนวโน้มใหม่ที่หันไปทางบรรจุภัณฑ์มินิมอลลิสต์ ธุรกิจต้องปรับการออกแบบของตนให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็รักษาความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมไว้
จากกระบวนการทดสอบและทำซ้ำที่มีโครงสร้างนี้ ธุรกิจไม่เพียงแต่ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังทำให้ความเชื่อมโยงกับลูกค้าแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
หากผู้ประกอบการอ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจอยากทำการพัฒนาสินค้าใหม่ หรือปรับปรุงสินค้าเดิมที่มีอยู่ อย่าได้รีรอ ให้เริ่มลงมือทำเลย เพื่อจะได้เห็นผล ทดลองตามขั้นตอน 6 ขั้นตอน เก็บข้อมูลนำมาปรับเปลี่ยนใหม่ มั่นใจได้ว่าต้องดีขึ้นและสามารถเป็นที่ยอมรับของลูกค้าได้อย่างแน่นอน หากมีเรื่องบรรจุภัณฑ์สามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.locopack.com สำหรับผู้ประกอบการและบริษัทที่ต้องการบรรจุภัณฑ์สั่งผลิตจำนวนเริ่มต้นน้อย สั่งผลิตได้ตามจำนวนพิมพ์ได้ตามแบบที่ต้องการ ติดต่อผู้เขียนได้ที่ somsoms482@gmail.com