
บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCPG) ชูศักยภาพผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่าง และมีความคาดหวังว่า 4 เมกะเทรนด์หนุนความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในอาเซียนขยายตัวมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 1,127.6 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 26.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over Allotment) อีกไม่เกิน 169.1 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.3 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ พร้อมกำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 33.50-35.00 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้จองซื้อในวันที่ 28 กันยายน – 7 ตุลาคม 2563

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า ได้มีการวางกลยุทธ์นำบริษัทฯ ขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนเพื่อมุ่งสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน โดยชูศักยภาพเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน มุ่งเน้นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ครอบคลุมทั้งบรรจุภัณฑ์จากเยื่อกระดาษ กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ทั้งแบบอ่อนตัวและแบบคงรูป บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร เยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน โดยมีการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งผลให้บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ทั้งในด้านรูปแบบคุณสมบัติและวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยมีฐานการผลิตใน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลายครอบคลุมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน และสินค้าอุตสาหกรรม
“เรามองว่าอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ มีประชาการรวมกันกว่า 500 ล้านคนและมี 4 เมกะเทรนด์ที่จะส่งผลดีต่อปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ อัตราการบริโภคบรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์จากพอลิเมอร์ที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรและไลฟ์สไตล์ การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น และเรายังมีการสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ผู้บริโภคผ่านการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ เรามีนวัตกรรมในการออกแบบพัฒนาสินค้าและบริการที่หลากหลายเพื่อครอบคลุมความต้องการของลูกค้า และให้ความสำคัญในการผลิตจะต้องอยู่ภายใต้กระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า”

เพราะฉะนั้น ในปัจจุบัน SCGP จึงเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค และพร้อมต่อยอดการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำหน้าที่ปกป้องสินค้า เพื่อช่วยสร้าง แบรนด์และเพิ่มความโดดเด่นแก่ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ SCGP ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและหมุนเวียนเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ลดการเกิดขยะจากบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ และวัสดุที่ใช้จะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม