ศุภรดา ทำเสมอดี
ผู้จัดการประจำประเทศไทย ยูพีเอ็ม ราฟลาแทค

สำนวนที่ว่า “พระเจ้าอยู่ในทุกอณูรายละเอียด” หมายถึงความเอาใจใส่ต่อสิ่งเล็ก ๆ ซึ่งอาจสร้างผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ได้ กระนั้น บ่อยครั้งที่รายละเอียดเล็ก ๆ ที่แสนสำคัญเหล่านี้กลับถูกมองข้ามไปและทำให้เราพลาดโอกาสคว้ารางวัลใหญ่ไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งในบริบทนี้ดิฉันหมายถึงเรื่องฉลากบรรจุภัณฑ์นั่นเอง
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้จะพบว่า เราพบเห็นฉลากอยู่ในทุกที่และบนสินค้าทุกอย่างที่เราซื้อหา ไม่ว่าจะเป็นหีบห่ออาหารไปจนถึงขวดยาสระผม ยารักษาโรค ไวน์ หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ ฉลากจึงเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะถ้าไม่มีมัน ผู้คนจะทราบได้อย่างไรว่าพวกเขากำลังซื้ออะไรอยู่? ฉลากไม่เพียงให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างแบรนด์อีกด้วย ฉลากจึงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญหนึ่งเดียวในการนำเสนอประสบการณ์ของแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์ ช่วยให้ผู้คนหลงรักผลิตภัณฑ์ ตระหนักถึงคุณค่าของมัน และกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความสำคัญของฉลากยังเป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางในเชิงการตลาดเพื่อการสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างและเสน่ห์เฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์ แต่ฉลากยังมีมากกว่าหน้าที่ที่กล่าวมา เพราะฉลากสามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างได้มากกว่านั้น และนี่คือสาเหตุที่มันมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ฉลากถือเป็นส่วนหนึ่งของงานบรรจุภัณฑ์และมีบรรจุภัณฑ์นับล้าน ๆ ตัน ที่ถูกผลิตขึ้นบนโลกในแต่ละปี ซึ่งต้องมีการใช้วัตถุดิบอย่างมหาศาล ดังนั้น จึงนับเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องออกแบบฉลากให้เหมาะสมกับบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมในภาพรวมให้น้อยที่สุด
อุปสงค์ของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ที่มีความรับผิดชอบเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่า และก่อให้เกิดความต้องการโซลูชันเพื่อเรื่องนี้มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้คนไม่เพียงมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นจากแบรนด์ต่าง ๆ ด้วย และเพื่อตอบรับต่อเสียงเรียกร้อง เจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ จึงพากันตั้งเป้าหมายที่เกี่ยวกับผลกระทบของสิ่งแวดล้อมต่อสภาพอากาศและการหมุนเวียนทรัพยากรกันอย่างแข็งขัน โดยลดการใช้วัตถุดิบจากปิโตรเลียม และก้าวสู่แนวทางการสร้างสรรค์อนาคตอันยั่งยืน
โลกกำลังต้องการโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น และฉลากถือเป็นส่วนสำคัญของบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมฉลากจึงสำคัญมากต่อการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เพราะฉลากสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้บรรจุภัณฑ์นั้นมีความยั่งยืน ผ่านการให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านการสนับสนุนการรีไซเคิลและการใช้ซ้ำบรรจุภัณฑ์


ที่ ยูพีเอ็ม ราฟลาแทค เราเชื่อว่าฉลากสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่อนาคตแห่งบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน บริษัทของเราดำเนินงานบนพื้นฐานแนวคิดที่ว่าฉลากนั้นสำคัญเสมอ แต่ที่มากกว่านั้นคือสาระความยั่งยืนบนฉลากต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า ความเชื่อนี้คือจุดเริ่มต้นการเดินทางของเราสู่การเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์วัสดุฉลากชั้นนำระดับโลก
แล้วเราทำให้ฉลากมีความยั่งยืนมากขึ้นได้อย่างไร? เนื่องจากฉลากเป็นส่วนหนึ่งของบรรจุภัณฑ์ ยูพีเอ็ม ราฟลาแทค จึงให้ความสำคัญในการกำหนดแง่มุมต่าง ๆ ที่เราสามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกได้มากที่สุด แนวทางนี้คือพื้นฐานความคิดของเรา โดยการออกแบบจะเริ่มจากการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและฉลากต้องเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนนั้น ในฐานะผู้ผลิตวัสดุฉลากสินค้าระดับโลก เราจึงแปะฉลากอัจฉริยะที่สื่อถึงอนาคตที่หลุดพ้นไปจากการใช้ฟอสซิล และด้วยโซลูชันงานบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนรูปแบบใหม่ ทำให้เราสามารถส่งเสริมให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ เปลี่ยนมาใช้วัสดุทางเลือกที่ยั่งยืนขึ้นและสร้างวงจรวัสดุบรรจุภัณฑ์ได้อย่างสมบูรณ์
เราสามารถดำเนินการได้หลายสิ่งเพื่อให้สามารถบรรลุถึงเป้าหมายนี้ โดยสิ่งแรกที่เราทำคือการจับคู่ฉลากกับสารตั้งต้นที่จะใช้ในการผลิต ขั้นต่อไปคือการพิจารณาตามแนวทางลดการใช้ รีไซเคิล นำมาสร้างใหม่ และนำกลับมาใช้ใหม่ของเรา (Reduce, Recycle, Renew and Reuse Approach) ด้วยการให้คำมั่นสัญญาในการแสวงหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบและการดำเนินงานบนแนวคิดความยั่งยืน ทำให้เรามุ่งสร้างสรรค์งานออกแบบและนำเสนอโซลูชันที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้าของเราและเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ
ตัวอย่างหนึ่งของแนวทางนี้คือฉลาก RAFNXT+ ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบได้อย่างสูงสุด โดยนำเยื่อไม้มาจากป่าที่มีระบบการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ซึ่งทำให้ฉลาก RAFNXT+ ได้รับคัดเลือกจากยูนิลีเวอร์ให้ใช้กับผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจานซันไลต์ในเมืองไทย ฉลาก RAFNXT+ ซึ่งที่มีชั้นหน้าและชั้นไลเนอร์ที่บางกว่าจะให้ประโยชน์ต่อผู้แปรรูปขวดของยูนิลีเวอร์ เนื่องจากมีฉลากต่อม้วนมากขึ้น ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและมีช่วงเวลาดาวน์ไทม์น้อยลง ขณะเดียวกันยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ซันไลต์ด้วย
อีกหนึ่งตัวอย่างคือ UPM Raflatac Forest Film วัสดุทางเลือกแทนพลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% เมื่อใช้ Forest Film คุณจะสามารถทดแทนวัสดุจากปิโตรเลียมแบบเดิม ๆ ได้อย่างง่ายดายเนื่องจากเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูงและประสิทธิภาพการใช้งานดีเยี่ยมเมื่อเปรียบเทียบกับฟิล์มจากปิโตรเลียมแบบดั้งเดิม โดยวัสดุนี้ทำจากไม้ 100% ผสมกับการใช้น้ำมันแนฟทา UPM BioVerno ที่พัฒนาโดย UPM Biofuels เพื่อมอบชีวิตใหม่ให้แก่เศษวัสดุที่เหลือจากการผลิตไม้ ถือเป็นโซลูชันที่ยั่งยืนที่ไม่ต้องสูญเสียคุณสมบัติในการใช้งานหรือคุณภาพไปเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ดี ความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียนย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้หากเราพิจารณาเฉพาะการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบแต่หลงลืมการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ ซึ่งในการรับมือกับความท้าทายนี้ ยูพีเอ็ม ราฟลาแทค ได้พัฒนาโซลูชันการล้างที่ช่วยแยกฉลากออกจากขวดเพ็ทได้อย่างสะอาดหมดจดในขั้นตอนการรีไซเคิล และฉลากที่มีวัสดุรีไซเคิลในสัดส่วนสูงยังเหมาะสมและปลอดภัยในการนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการ และแน่นอน เราภาคภูมิใจในสิ่งที่เราทำในฐานะบริษัทที่มีแนวทางดำเนินงานบนความยั่งยืนแบบรอบด้าน การตั้งเป้าหมายด้านการผลิตที่ยั่งยืน และหลักการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ อีกทั้งเรายังภูมิใจในสิ่งที่เราทำในการช่วยให้เจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ ตัดสินใจเลือกแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้นและบรรลุเป้าหมายในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โซลูชันของเราในการใช้วัสดุฉลากที่ยั่งยืนช่วยส่งเสริมให้เจ้าของแบรนด์กลายเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การนำเสนอวัสดุฉลากที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ยูพีเอ็ม ราฟลาแทค ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถเข้าใกล้เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพอากาศโดยไม่ต้องแลกกับความสวยงามของบรรจุภัณฑ์เลย
เราวาดภาพอนาคตซึ่งมีการสร้างสรรค์ฉลากที่ยั่งยืนสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนการบริโภคที่ยืนยาวต่อไป ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เราพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งความยั่งยืนที่มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดผ่านการลดวัตถุดิบจากปิโตรเลียมเพียงอย่างเดียว การเปลี่ยนไปใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่นำกลับทำใหม่ได้ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของเราเบาและบางลง ช่วยส่งเสริมการรีไซเคิลและการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ซ้ำ และในเวลาเดียวกัน ก็ยังคงรักษาประสิทธิภาพการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยมไว้ได้ เราสร้างสรรค์บริการแห่งความยั่งยืนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตของลูกค้า การจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้แปรรูป เจ้าของแบรนด์ ซัพพลายเออร์วัตถุดิบ และผู้มีอิทธิพลสำคัญด้านต่าง ๆ ยังช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนนวัตกรรมเหล่านี้ให้กลายเป็นโซลูชันชั้นเลิศและความได้เปรียบทางการแข่งขัน และเมื่อผสานความร่วมมือกัน เราจะกลายเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงและสรรค์สร้างอนาคตที่หลุดพ้นจากการใช้ฟอสซิลอย่างยั่งยืน